วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555

ประเทศปาปัวนิวกินี ใช้ภาษาในการสื่อสารมากที่สุดในโลก

ประวัติศาสตร์

มีชาวพื้นเมืองชื่อว่า ชาวปาปัว ประเทศปาปัวนิวกินีเป็นประเทศที่เปลี่ยนเจ้าของอยู่บ่อย ๆ เช่นประเทศอังกฤษ ประเทศเยอรมนี ประเทศออสเตรเลีย

เศรษฐกิจ

ปาปัวนิวกินีเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ ทรัพยากรทางทะเลทองคำ ทองแดง น้ำมันดิบ แก๊สธรรมชาติ รายได้หลักของประเทศขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมการประมงเหมืองทองแดง เหมืองทองคำ และการท่องเที่ยว ส่วนด้านเกษตรกรรม ส่วนใหญ่เป็นการเพาะปลูกกาแฟ โกโก้ และมะพร้าว ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศสิงคโปร์ประเทศญี่ปุ่น ประเทศนิวซีแลนด์ สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ทองคำ น้ำมันดิบ กาแฟ ทองแดง ซุงกาแฟ และสัตว์ทะเล ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมัน เครื่องจักรและอุปกรณ์การขนส่ง ส่วนประกอบรถยนต์ อาหาร และเชื้อเพลิง
รัฐบาลควบคุมสถานะการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ อัตราเงินเฟ้อต่ำ อัตราแลกเปลี่ยนมีเสถียรภาพ เศรษฐกิจได้รับผลดีจากผลผลิตเหมืองแร่ที่เพิ่มขึ้น และราคาสินค้าส่งออกเพิ่มสูงขึ้นได้แก่ทอง น้ำมันดิบ ทองแท่ง เป็นผลให้การส่งออกในช่วงไตรมาสของปีขยายตัวร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับปีก่อน และคาดว่าในปีนี้ดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลและเศรษฐกิจโดยรวมจะเติบโตในทิศทางที่ดี อย่างไรก็ตาม ในเดือน มี.ค. 2549 UN ได้เสนอปรับสถานะการพัฒนาของปาปัวนิวกินีจากประเทศกำลังพัฒนาเป็นประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) ซึ่ง นรม. Sir Michael ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว
รัฐบาลพยายามดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ขยายการส่งออก (Export-led economy) แสวงหาความร่วมมือกับประเทศในเอเชีย (look north) และมีบทบาทนำในกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก (Work Pacific) การลงนามความตกลงทางการค้ากับนิวซีแลนด์เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2549 ทำให้ปาปัวนิวกินีส่งออกสินค้าเกษตร เช่น มะพร้าว เผือก ขิง ไปยังตลาดนิวซีแลนด์ นอกจากนี้ ปาปัวนิวกินียังได้รับโควตาการส่งออกปลาทูน่าไปยังตลาด EU เพิ่มขึ้น ในการประชุมรัฐมนตรีการค้าของเอเปกครั้งที่ 12 ปาปัวนิวกินีตอบรับที่จะยกเลิกการอุดหนุนสินค้าส่งออกทั้งหมดภายในปี พ.ศ. 2556

ประชากร

ปาปัวนิวกินี ประกอบด้วยชนหลายเผ่าพันธุ์ เช่น ชาวเมลานีเชียน ปาปัว เนกริด ไมโครนีเซียนและโปลินีเซียน
มีภาษาทางการเป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจากเคยเป็นเมืองขึ้นของสหราชอาณาจักร แต่มีคนพูดได้น้อย ส่วนมากจะพูดภาษาทอกพิซินซึ่งเป็นภาษาครีโอล แต่อย่างไรก็ตาม ประชากรประเทศนี้มีประมาณ 5 ล้านคน และมีภาษามากกว่า 800 ชนิด
ศาสนา คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นหลัก แต่ก็มีลัทธิศาสนาตามความเชื่ออื่น ๆ อีกมากมาย

วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555

การไม่ทานอาหารเช้านั้นไม่ดีอย่างไร?

การรับประทานอาหารเช้านั้น เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่ของคุณ ซึ่งจากผลการศึกษาเมื่อเร็วๆนี้พบว่า ผู้ที่รับประทานอาหารเช้าเป็นประจำทุกวันนั้น จะมีทัศนคติที่ดี, รูปร่างที่ดี และอาหารเช้ายังช่วยให้เรามีสมาธิในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น การรับประทานอาหารเช้า โดยเฉพาะอาหารที่มีเส็นใยสูงนั้นถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีในการลดระดับความรู้สึกหิวของร่างกาย ซึ่งช่วยควบคุมและลดความรู้สึกหิวอย่างหน้ามืดตาลายของเราในช่วงเวลาก่อนเที่ยง และระหว่างมื้อกลางวันได้ 
การเลือกที่จะเริ่มต้นวันใหม่ของเราด้วยการรับประทานอาหารเช้านั้น ยังสามารถสร้างความมั่นใจได้ว่า เราจะสามารถบริโภคอาหารมีสารอาหารทางโภชนาการที่สำคัญได้อย่างครบถ้วนอีกด้วย แต่โดยทั่วไปแล้ว 

คุณควรเริ่มต้นวันใหม่ของคุณด้วยการรับประทานอาหารเช้า ซึ่งควรปฏิบัติให้เป็นกิจวัตรประจำวันของคุณ เพื่อที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าการรับประทานอาหารเช้านั้น สามารถช่วยให้คุณเริ่มต้นวันใหม่ของคุณได้อย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นจริงๆ 

ข้อดีของการทานอาหารเช้า 

จากผลการวิจัยหลายเรื่องทำให้กล่าวได้ว่า การกินอาหารเช้า ที่มีคุณค่ามีความสำคัญ นั่นคือ 

1. คนที่กินอาหารเช้ามีพลังงานในการทำงานได้นานกว่า และมีความอ่อนล้าในช่วงกลางวันน้อยกว่าคนที่เริ่มอาหารเช้า ด้วยกาแฟเพียงแก้วเดียว 

2. การกินอาหารเช้าทำให้ช่วยลดปริมาณการกินอาหารว่าง 

3. ถ้าเราปล่อยให้ร่างกายคอยนานเกินไปกว่าจะได้รับอาหารมื้อแรกของวัน ระบบการย่อยอาหารก็จะเฉื่อยชาในการทำงาน ซึ่งมีงานวิจัยพบว่า คนที่ไม่กินอาหารเช้ามีอัตราการเผาผลาญอาหารต่ำกว่า คนที่กินอาหารเช้าเป็นประจำ

4. อาหารเช้าเป็นอาหารสมอง เด็กที่กินอาหารเช้ามีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า ให้ความร่วมมือดีกว่า และมีสมาธิในการเรียนดีกว่าเด็กที่ไม่ได้กินอาหารเช้า 

ปัญหาที่สำคัญของคนไม่กินอาหารเช้าส่วนใหญ่คือไม่มีเวลา นั่นเป็นเพียงข้อแก้ตัวเท่านั้น หากคุณตั้งใจที่จะกินอาหารเช้า คุณก็ทำได้ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที อาหารเช้าควรจะเป็นอาหารหลายอย่างและ อาหารที่มีเส็นใยสูงไม่ควรเป็นพวกแป้งเพียงอย่างเดียว 

คุณควรให้ความสำคัญกับอาหารเช้าของตนเองเหมือนกับการอาบน้ำแต่งตัว จัดสรรเวลาส่วนหนึ่งให้กับอาหารเช้า เพื่อให้คุณและสมาชิกในครอบครัว มีพลังงานการทำงานและอารมณ์สดใสตลอดวัน


ข้อเสียของการไม่ทานอาหารเช้า

1. รู้สึกหงุดหงิดอารมณ์เสียง่าย ยิ่งสายใกล้เที่ยงจะเกิดอาการโมโหหิวได้ง่าย 

2. ต้นเหตุของโรคอ้ววน เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด อัลไซเมอร์ 

อาหารเช้าสำคัญที่สุด ในการป้องกันโรคอ้วนและเบาหวาน 
American heart association 6/3/03

ใครที่รับประทานอาหารเช้าเป็นประจำ ขอให้สบายใจได้ว่าเป็นมื้อที่มีประโยชน์ ป้องกันโรคอ้วน เบาหวาน และโรคหัวใจได้ดีที่สุด จากการประชุม ประจำปีของสมาคมแพทย์โรคหัวใจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 
มีการเสนอผลการวิจัยชื่อว่า CARDIA Study พบว่า อัตราการเกิดโรคที่เรียกว่าภาวะดื้อต่ออินสุลินทำให้อ้วน และโรคเบาหวาน มีอัตราลดลงในผู้ที่รับประทานอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมอถึง 35-50 % เทียบกับผู้ที่ไม่รับประทาน คณะผู้วิจัย เชื่อว่าอาหารเช้าเป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุด ในการป้องกันเบาหวาน และโรคที่เกี่ยวกับเส้นเลือดหัวใจ Dr. Mark A. Pereira กล่าว 
" การรับประทานอาหารเช้า จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมความหิวในมื้อถัดไปได้ดีขึ้น "
ภาวะดื้อต่ออินสุลิน คือภาวะที่ร่างกายไม่สามารถเอาน้ำตาลไปใช้ได้เนื่องจากเนื้อเยื่อต่าง ๆ ไม่ค่อยตอบสนองต่อฮอร์โมนอินสุลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินสุลินได้แก่ ไขมันสูง ความอ้วน ความดันโลหิตสูง คนไข้เหล่านี้มักอ้วน และมีไขมันในเลือดสูง และมีอัตราเสี่ยงต่อโรคเส้นเลือดสมองและหัวใจ 
ผลการทดลองนี้ยืนยันในกลุ่มคนผิวขาวทั้งชายและหญิง และชายผิวดำ (ในหญิงผิวดำ ไม่สามารถป้องกันได้ เหตุผล ไม่ทราบ ต้องทดลองต่อไป) 

ในชาวเอเชีย คงต้องมีการวิจัยยืนยันกันอีกทีเพราะลักษณะการกินอาหารต่างออกไปจากคนผิวขาว 

3. ไม่ควรขาดอาหารเช้าเพราะจะ ทำให้เรียนเรียนรู้เรื่องใหม่ได้ช้า ไม่มีสมาธิ