วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อุบัติเหตุรถกระบะพุ่งชน "ซี มัฑณาวี คีแนน" นักร้องสาวหล่อ แห่งค่ายอาร์เอส

ซี มัฑณาวี พ้นขีดอันตรายแล้ว พูดคุยรู้เรื่อง แต่ยังต้องรอดูอาการในห้องไอซียู 1-2 วัน ด้านตำรวจรอผลตรวจ ก่อนแจ้งข้อหาคนขับรถ - เพื่อน ๆ ทยอยเยี่ยม


แพทย์แถลง ซี อาการดีขึ้น

          วันนี้ (28 พฤษภาคม) พ.ต.ท.หญิง ศิริกุล เจียรนัยขจร พยาบาล (สบ3 ) รองโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ  เปิดเผยอาการของ น.ส.มัฑณาวี คีแนน หรือ ซี สาวหล่อ นักร้องค่ายอาร์เอส ที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถกระบะพุ่งชน ขณะเดินข้ามถนน หน้าวัดปทุมวนาราม จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเข้าผ่าตัดสมอง พักรักษาตัวที่ห้อง ICU โรงพยาบาลตำรวจ ว่า อาการวันนี้ซีดีขึ้นมาก สามารถพูดคุยถามตอบได้รู้เรื่อง แต่ยังต้องอยู่รอดูอาการในห้อง ICU อีก 1-2 วัน ว่ามีอาการแทรกซ้อนอะไรหรือไม่ ตอนนี้อาการดีขึ้นเป็นลำดับ จากที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจก็ถอดออกได้แล้ว

          ส่วนรายละเอียดขณะที่เกิดเหตุ ทางแพทย์ยังไม่ได้ถาม เพียงแค่ถามคำถามทั่วไปธรรมดา ยังไม่ได้ให้เล่ารายละเอียดมาก เนื่องจากเพิ่งผ่านการผ่าตัด คาดว่าหลังจากนี้เหลือเพียงรอดูอาการสักระยะ หากไม่พบอาการแทรกซ้อน คนไข้หายใจได้ดีขึ้นก็จะสามารถย้ายไปพักฟื้นยังห้องผู้ป่วยพิเศษได้  


เพื่อนดาราทยอยเยี่ยมซี

          ด้านเพื่อน ๆ ดาราของ ซี มัฑณาวี ที่ทราบข่าวก็ทยอยกันมาเยี่ยมนักร้องสาวหล่อคนดัง เช่น เมย์ พิชญ์นาฏ, จงเบ เคโอติก, ขนมจีน ฯลฯ


ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาคนขับ

          พ.ต.ท.เจริญสิทธิ์ จงอิทธิ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ปทุมวัน กล่าวถึงความคืบของคดีว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรอผลตรวจจากแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี ซึ่งคาดว่าต้องรออีกประมาณ 2 - 3 วัน หากแพทย์ลงความเห็นว่าอาการสาหัส ก็จะแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส 

          ส่วนนายสมพร จูตระกูล อายุ 32 ปี ผู้ขับขี่รถกระบะยี่ห้อเชฟวีโคโรราโด สีขาว หมายเลขทะเบียน ตว 9956 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถขนส่งอาหารนั้น เจ้าตัวยอมรับว่า ชนจริง แต่ไม่ได้ตั้งใจ และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งกล่าวขอโทษผู้บาดเจ็บด้วย


ซี มัฑณาวี ถูกรถชนสาหัส

          วานนี้ (27 พฤษภาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุรถกระบะพุ่งชน "ซี มัฑณาวี คีแนน" นักร้องสาวหล่อ แห่งค่ายอาร์เอส ขณะที่ ซี มัฑณาวี เดินทางไปทำบุญกับพี่สาวเมื่อช่วงเช้า ที่บริเวณหน้าวัดปทุมวนาราม ใกล้สี่แยกราชประสงค์  ส่วนอาการของ ซี มัฑณาวี ในขณะนี้ยังสาหัส ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไหปลารัาหัก เลือดคั่งในสมอง 

          อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า ซี มัฑณาวี ตั้งใจจะมาทำบุญวันเกิดร่วมกับ สาวเมย์ พิชนาฎ สาขากร ที่วัดสระปทุม ซึ่งเจ้าตัวได้นั่งแท็กซี่มาพร้อมกับพี่และเพื่อน ลงตรงแยกปทุมวันเวลา 9.00 น. เพื่อมาไหว้พระพรหมก่อน หลังจากนั้น ซี มัฑณาวี และพี่สาวได้แยกกัน เนื่องจากพี่สาวจะไปซื้อของทำบุญ ส่วน ซี มัฑณาวี เดินข้ามมายังวัดล่วงหน้าก่อน 


พี่สาวเล่านาที น้องถูกรถชน

          ทั้งนี้ พี่สาว ที่เห็นเหตุการณ์ เล่าให้ฟังว่า ซี มัฑณาวี ข้ามถนนจากโรงพยาบาลตำรวจไปถึงเกาะกลาง และมองถนนด้านซ้าย ไม่ได้มองด้านขวา ซึ่งระหว่างที่ ซี มัฑณาวี ข้ามถนน ก็มีรถกระบะคันนึงวิ่งจากทางขวา เข้ามาชนอย่างจัง จน ซี มัฑณาวี ตัวลอยจากพื้น และสลบทันที ทางตนจึงรีบแจ้งตำรวจ และรีบขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลตำรวจ 

          สำหรับอาการเบื้องต้น เมื่อเอ็กซเรย์แล้ว พบว่า กะโหลกศีรษะแตก มีเลือกออกเล็กน้อย ไหปลาร้าด้านขวาหัก ส่วนภายนอกมีหัวแตก แขนถลอก แพทย์จึงขอรอดูอาการอีก 1 ชั่วโมง แต่ระหว่างนั้น ซี มัฑณาวี  ได้ปวดหัวอย่างรุนแรง และอาเจียนติดต่อกันถึง 3 รอบ แพทย์จึงพาตัวไปเอ็กซเรย์อีกครั้ง และพบเลือดคั่งในสมอง จึงต้องผ่าตัดเพื่อเอาเลือดในสมองออก ล่าสุด ซี มัฑณาวี  ออกจากห้องผ่าตัดแล้ว ส่วนอาการจะเป็นอย่างไรต่อไป จะนำมาให้ทราบกันอย่างแน่นอน


เพื่อนดาราทยอยเยี่ยม ซี มัฑณาวี

เพื่อนดาราทยอยเยี่ยม ซี มัฑณาวี

 ซี มัฑณาวี ถูกรถชน

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Mich. St. Simon cliff.

Place names.
Mich. St. Simon cliff.: Mont Saint Michel in France.Location region of Brittany. FranceNow you can visit.

        
The monastery is situated in a wonderful place to see one of the most spectacular in the world. What happens when an idealistic girl angel or not, Mich., who has appeared in the Old Bear. Cardinal (Bishop) of the Gulf off the rails, and ordered to be published in the teachings of God. The mountain on the island. At that time, that's called. The mountain is a cone upside down. Up to its exceptionally high. Sandy coastal region of Brittany in France.

        
Construction beginning in the 1017-1144 BC as the location of the property. The Notre Dame Cathedral is a Casino Venice - Zurich - Terre. (Our Lady Underground) to create a balance between the three centuries later. We always have a place, including the building. AD 1211-1218. To make it easy. The pilgrims to stay in a thousand years each.

        
Building a Gothic style building, La Mer is a very high level, or do wonders among the cubicle with you. The residence certificate.And a banquet. The balcony is furnished magnificently beautiful.Allows the true beauty of Gothic art emerges.

        
During the Hundred Years War between England and France.England, which occupied most of France in the detention did not understand those who are pilgrims on this. Sึga also provides convenient, safe, too. In the 14th century fortress wall was built against a strong enemy. Some of the bunch to break. Gothic art are used to create the total Spire of the church. The addition of a 19th century medieval art itself but also to maintain it in its entirety. It looks like the crown of St. Simon, Mich. cliff.

        
Villages around the monastery are well along the wall. To prevent the enemy from the land and sea. In addition to the tide, which is possible in no time. Pilgrims visiting the pilgrimage to the monastery, most of the land through the walls of the fort's gates into the ditch. The circular walk along the path from bottom to top on the way to the shops. House style of the resident's care from a normal person. Bishop, who is less mature. To the Cardinal. The heads of the buildings, it has a proportion of accommodation, restaurants and souvenir shops for great art. The cliff was St. Simon, Mich., is the height above sea level about 400 feet (130 meters).

     

  

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

คะน้า... สมคุณค่าผักใบเขียว




ถ้าอยากรู้ว่าผักใบเขียวมีประโยชน์แค่ไหน ให้ดูคะน้าเป็นตัวอย่างเพราะอุดมไปด้วยของดีๆ ทั้งนั้นเลย

1. เบต้าแคโรทีน
      เบต้าแคโรทีนเป็นสารอาหารที่มีประโยน์มากต่อผิว เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ไม่อยากมีรอยตีนกา ซ้ำยังสามารถป้องกันมะเร็งได้สารพัดชนิด ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ลำไล้ ลำคอ ปอด และกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งที่ใบเขียวของคะน้าก็มีเบต้าแคโรทีนอยู่มากมาย ชนิดว่าถ้าทานเป็นจำมะเร็งอาจสูญพันธ์เลยเชียว
2 . วิตามินซี และ เกลือแร่
     ยอดคะน้าสด เป็นแหล่งรวมของวิตามินซีและเกลือแร่ ทานแล้วจะช่วยเสริมภูมิต้านทานโรค เสริมสร้างเนื้อเยื่อให้ชุ่มชื้น ผิวจึงสวยและทำให้แผลหายเร็วด้วย แต่เนื่องจากวิตามินซีจะสลายตัวได้เร็วมากเมื่อเจอกับอากาศ จึงไม่ควรหั่นคะน้าทิ้งไว้ ควรจะหั่นเมื่อต้องการจะประกอบเป็นอาหารเท่านั้น
3. แคลเซียม
     
 ไม่จำเป็นว่าแคลเซียมจะมีอยู่แต่ในนมหรือก้างปลา ในใบผักอย่างคะน้าก็อุดมไปด้วยแคลเซียมไม่แพ้ใครเหมือนกัน ที่สำคัญคือมีงานวิจัยของ Robert P.H. (1990) ยืนยันมาแล้วว่าร่างกายเราสามารถดูดซึมแคลเซียมจากคะน้าได้ไม่น้อยกว่าแคลเซียมจากนมเลย

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

จูเลียส ซีซาร์ หรือ กายุส ยูลิอุส ไคซาร์ (อังกฤษJulius Caesar ; ละตินGAIVS IVLIVS CAESAR) เป็นรัฐบุรุษในประวัติศาสตร์เขาได้สถาปนาตนเองขึ้นปกครองกรุงโรม และได้ทำให้อาณาจักรโรมมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของชาวโลกมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ จูเลียสได้สร้างชื่อซีซาร์อันยิ่งใหญ่นี้ขึ้น และเป็นต้นแบบของกษัตริย์โรมในสมัยต่อมาที่ใช้ชื่อซีซาร์นี้ถึงสิบสององค์ แม้คำว่า ชาห์ แห่งอิหร่าน ซาร์ แห่งรัสเซีย ไกเซอร์ แห่งเยอรมัน ล้วนแล้วแต่มีรากศัพท์มาจากคำว่าซีซาร์ทั้งสิ้น และได้สืบทอดคำเรียกเหล่านี้มาจนถึงปัจจุบัน

ชีวประวัติและผลงาน

[แก้]ช่วงต้นของชีวิต

จูเลียส เกิดในวันที่ 12 กรกฎาคม เมื่อประมาณ 100 ปี ก่อนคริสต์ศักราช (พ.ศ. 444) ในตระกูลขุนนางเก่าตระกูลหนึ่ง มีบิดาชื่อเคอุส จูเลียส และมารดาชื่ออรอเรเลีย ซีซาร์ เป็นมนุษย์คนแรกที่เกิดโดยวิธีการผ่าตัดออกมาทางหน้าท้อง บิดาของเขาแม้จะมั่งคั่งร่ำรวย แต่ก็มิได้มีตำแหน่งสูงนักในทางราชการ จูเลียสเป็นกำพร้าบิดาตั้งแต่อายุยังน้อย คงมีแต่มารดาซึ่งคอยให้ความปกป้องคุ้มครองดูแลต่อมา
นับตั้งแต่เด็กมา จูเลียสไม่เคยคิดที่จะยึดเอาการทหารเป็นอาชีพอย่างแท้จริงเลยทั้ง ๆ ที่เขาเคยเข้าฝึกทหารอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขาตั้งใจจะเป็นทนายความ หรือเป็นนักกฎหมายซึ่งเป็นอาชีพที่ขึ้นหน้าขึ้นตาในสมัยนั้นมากกว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกโจรสลัดจับตัวไปเรียกค่าไถ่ เมื่อเขารอดชีวิตกลับมาเขากลับรวบรวมสมัครพรรคพวกและเรือทั้งหลาย กลับไปยังเกาะที่เขาเคยถูกนำตัวไปกักไว้ ได้สู้รบกับบรรดาโจรสลัดจนได้ชัยชนะนำพวกโจรกลับมารับการลงโทษ เหตุการณ์นี้ได้แสดงให้เห็นว่า จูเลียสนั้นเป็นผู้ที่ชอบการสู้รบมาตั้งแต่เด็กๆ และก็ดูเหมือนว่าเขาจะมีชื่อเสียงที่สุดในด้านการทหาร เมื่ออายุ 21 ปี เขาได้รับเหรียญกล้าหาญในฐานะที่ได้ช่วยชีวิตทหารคนหนึ่งไว้ได้จากการรบ สามารถตีชนะประเทศต่าง ๆ ถึง 300 ประเทศ ได้เมืองต่าง ๆ ไว้ในอำนาจถึง 800 เมือง แม้แต่ในวงการทหารสมัยปัจจุบันก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมจูเลียส ซีซาร์ จึงสามารถเดินทัพ และทำสงครามเผด็จศึก ได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนั้น ทัพของโรมันได้ชัยชนะตั้งแต่ยุโรปทางตอนเหนือจรดยุโรปตอนใต้ จากสเปนไปจนถึงอาเซียน้อยและเรื่อยไปจนถึงอียิปต์ ตลอดเวลาของการเดินทัพ จูเลียสจะกินอยู่หลับนอนร่วมกับทหารเลวทั้งหมด ทั้งมักจะชอบแสดงถึงความกล้าหาญ ปราศจากความกลัวในภยันตรายทั้งหลายทั้งปวงให้เหล่าทหารได้เห็น ครั้งหนึ่งเขาควบม้าอย่างรวดเร็ว เต็มฝีเท้าแต่กลับปล่อยมือจากสายบังเหียน แล้วยกขึ้นประสานไว้เหนือศีรษะ และอีกครั้งหนึ่งเขาได้ขอลองขึ้นขี่ม้าที่ขึ้นชื่อว่ายพยศที่สุด จนไม่มีใครกล้าขี่ ในการบุกทุกครั้ง จูเลียสจะเข้าร่วมอยู่ในกลุ่มทหาร ปฏิเสธไม่ยอมใส่แม้แต่หมวกเหล็กเพื่อให้ทหารจำได้ เขาไม่เคยตกใจจนทำอะไรไม่ถูกและไม่ว่าจะทำอะไรเขาจะทำอย่างเชื่อมั่นในตนเอง ตลอดเวลาเขามักจะคิดถึงแต่ความสง่างามความยิ่งใหญ่ของเขาในฐานะเป็นผู้นำ
ครั้งหนึ่งในการทำสงครามที่เฟซาเลีย ซึ่งในที่สุดโรมันก็เป็นฝ่ายได้ชัยชนะ ฟาร์เนเซสเจ้าผู้ครองแคว้นได้ก่อการกบฎขึ้น โดยปฏิเสธไม่ยอมสวามิภักดิ์ด้วย จูเลียสจึงยกทัพเข้าตะลุมบอน และได้ชัยชนะภายในเวลาเพียงวันเดียว ผลจากการสู้รบครั้งนี้เอง ทำให้เราได้รู้จักคำพูดที่เป็นอมตะประโยคหนึ่งของจูเลียส ซีซาร์ ซึ่งได้รายงานกลับมาโรมว่า Veni, Vedi, Vici! ซึ่งแปลว่า "ข้าไปถึงแล้ว ข้าได้เห็น และข้าก็ได้ชัยชนะ"

[แก้]เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในสมัยที่ซีซาร์ครองโรม

เหตุการณ์ที่สำคัญนั้นก็คือ การยกทัพเข้ารุกรานเกาะอังกฤษ ที่เรียกว่าสำคัญก็ด้วยเหตุผลประการหนึ่งคือ ทำให้คนรุ่นหลังได้รู้จักประวัติของเกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่งซึ่งก่อนหน้านั้นไม่เคยมีอยู่บนแผนที่เลยด้วยซ้ำ ปีนั้นตรงกับปีที่ 55 ก่อนคริสต์ศักราช ซีซาร์ได้ครองอาณาจักรโกล ซึ่งปัจจุบันคือประเทศฝรั่งเศสเรียบร้อยแล้ว แต่พวกโกลมักจะได้รับความช่วยเหลือจากชนชาติหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงข้ามเมืองคาเล่ส์ให้ก่อการกบฎอยู่เสมอ และถ้าพ่ายแพ้ พวกนี้ก็มักจะอพยพหนีไปพำนักพักพิงชั่วคราวอยู่ ณ เกาะเล็ก ๆ แห่งนั้น เกาะนั้นจะเป็นเกาะอะไร มีพลเมืองมากน้อยเพียงใด มีความเป็นอยู่อย่างไร จูเลียส ซีซาร์ หาได้มีความรู้แม้แต่น้อยไม่ แต่กระนั้น เขาก็ตัดสินใจยกทัพเข้ารุกรานทันที จูเลียส สั่งเตรียมทหารให้มาพร้อมกันลงเรือที่เมืองบูโลญราว 10,000 คน เพียงข้ามคืนเดียว กองทัพโรมก็จะขึ้นฝั่งได้แถบบริเวณโดเวอร์ แต่ชาวพื้นเมืองเตรียมต่อสู้อย่างเต็มที่ ทำให้จูเลียสต้องสั่งทหารให้แล่นเรือต่อไปรอบ ๆ เกาะจนถึงดีส จึงขึ้นบกและขับไล่ชาวพื้นเมืองให้หนีไปได้ เหตุการณ์เป็นปกติเรียบร้อย จนถึงวันที่สี่นับจากการยึดครองเกาะได้ คืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง น้ำทะเลขึ้นสูง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ชาวโรมันไม่เคยได้รู้จักมาก่อน กำลังน้ำทำลายเรือเสียมากต่อมาก ในที่สุดซีซาร์ต้องออกคำสั่งให้ถอยทัพกลับยุโรป พอดีกับเหตุการณ์วุ่นวายในแถบยุโรปตะวันออก ซึ่งซีซาร์ต้องเสียเวลาปราบปรามอยู่พักหนึ่ง
เดือนเมษายนปีต่อมา จูเลียส ซีซาร์ สั่งให้เตรียมกองทัพเรืออีกครั้ง คราวนี้มีเรือถึง 600 ลำ กองทหารถึง 28 กอง และเมื่อถึงวันที่ 20 กรกฎาคม ก็เริ่มออกเดินทาง คราวนี้ชาวเกาะมิได้คิดต่อสู้เลย คงจะเกิดความกลัวตั้งแต่เห็นความยิ่งใหญ่ของกองเรือ จึงพากันอพยพหนีขึ้นไปทางเหนือ ซีซาร์ยกทัพตามขึ้นไปจนถึงเมืองเซนต์ อาลลานส์ เมื่อฤดูหนาวใกล้เข้ามาก็ตัดสินใจยกทัพกลับโรม โดยนำเชลยติดมาด้วยเป็นจำนวนมาก ชาวโรมันตื่นเต้นกันมากในชัยชนะครั้งนี้
เมื่อวัยหนุ่ม ซีซาร์ได้เดินทางไปรับการศึกษา ณ เกาะโรดส์ระหว่างนั้นได้เกิดสงครามขึ้น และซีซาร์ก็ได้ไปร่วมรบด้วย ทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้น และเมื่อกลับมายังโรม เขาจึงได้รับแต่งตั้งเป็นมอนติเฟดส์ และเริ่มสนใจทางการเมือง เขาร่วมมือกับปอมเปย์ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทัพโรมัน และเครสซัส เศรษฐีคนหนึ่งเรียกคณะของตนว่า ไตรอุมวิเรท มีอำนาจควบคุมกิจการบริหารในสมัยนั้นอย่างมากมาย
ต่อมาราว 59 ปี ก่อนคริสต์ศักราช จูเลียสได้รับเลือกเป็นกงสุลและได้มีการแบ่งอำนาจกันระหว่างคู่สัญญาทั้งสาม ซึ่งทำให้จูเลียสได้โอกาสแผ่ขยายอำนาจต่อไปได้เต็มที่ จนปอมเปย์อิจฉา จนในที่สุดเกิดเป็นสงครามขึ้น ตอนนี้แครสซัสตายแล้ว จูเลียสได้ชัยชนะ ปอมเปย์หนีไปอียิปต์ และไปถูกฆ่าตายที่นั้น ราว 48 ปี ก่อนคริสต์ศักราช เขาได้เข้าเมืองอียิปต์ช่วยจัดการให้คลีโอพัตรา ซึ่งกำลังมีเรื่องแย่งราชสมบัติกับพระอนุชาให้ได้ขึ้นครองราชบัลลังก์ จนมีเรื่องลือกระฉ่อนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับพระนางคลีโอพัตรา
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้จูเลียสก็ได้มีอำนาจเต็มที่ในโรมเขากลับมาถึงโรม และได้รับการยกย่องให้เป็น "ผู้มีอำนาจปกครองโดยเผด็จการ" โดยกำหนดให้มีอำนาจอยู่ครั้งละสิบปี และต่อมาเมื่อเขาปราบปรามตีดินแดนทางแถบแอฟริกาและสเปนได้ เขาจึงได้รับการอนุมัติให้เป็น "หัวหน้าผู้เผด็จการ" ตลอดชีวิต

[แก้]ด้านมืด และจุดจบของซีซาร์

ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะไม่มีความชั่วติดตัวเลย จูเลียส ซีซาร์เอง แม้ว่าจะมีความสามารถเก่งกล้ายิ่งนักในการสงคราม แต่ก็มีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ มีความทะเยอทะยานอย่างรุนแรง เมื่อเล็ก ๆ เขามีชื่อเสียงในเรื่องการใช้เงินเปลืองจนเป็นหนี้สินเมื่อเติบโตมีอำนาจในมือ เขาก็จับจ่ายใช้สอยอย่างมือเติบทั้ง ๆที่เงินนั้นเป็นของหลวง ในด้านการสงคราม จูเลียส ซีซาร์ ก็ถูกโจมตีว่าพาคนไปตายเสียมากต่อมาก แต่ในการรบในสมัยโน้น แต่ละฝ่ายต่างก็ยอมเสียทหารเป็นจำนวนมากเสมอ การสั่งประหารชีวิตแม่ทัพโกล ซึ่งย่อมแพ้ต่อทัพโรมันเมื่อครั้งจูเลียส ซีซาร์ พากองทัพอันเกรียงไกรเข้าไปบุกโกล เป็นตราบาปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา จูเลียสสั่งขังแม่ทัพโกลไว้ถึงหกปี แล้วจึงสั่งให้ประหารชีวิตทั้ง ๆ ที่มิได้มีความผิดใด ๆ เพียงแต่ต้องการให้เป็นเครื่องส่งเสริมบารมีของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
แต่ก็น่าแปลกที่ครั้งหนึ่งจูเลียส ซีซาร์ ได้ทราบข่าวว่าปอมเปย์ คู่อริที่ยิ่งใหญ่ของเขาถูกฆ่าแล้วในอียิปต์ จูเลียสก็ถึงกับทรุดนั่ง และร้องไห้
อย่างไรก็ตาม แม้จูเลียสจะได้ชื่อว่าทารุณ โหดร้าย แต่เขาก็เป็นแม่ทัพที่ทหารพากันจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่ง จนแทบจะพูดได้ว่า ไม่เคยมีทหารในสมัยใดจะ รักเจ้านายของตนยิ่งไปกว่าทหารรักซีซาร์ ที่ไหนมีอันตราย ที่นั่นซีซาร์จะเป็นคนแรกที่บุกเข้าไปก่อน ถ้าในการเดินทางกองทหารจำเป็นจะต้องข้ามแม่น้ำสักสายหนึ่งที่น่ากลัวที่สุด จูเลียสจะเป็นคนแรกที่ลงว่ายน้ำนำบรรดาทหารทั้งหลายลงไป
ผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนย่อมมีศัตรู ในโลกนี้มีคนอีกหลายคนที่ทนเห็นความสำเร็จของผู้อื่นไม่ได้ จูเลียส ซีซาร์ เป็นคน ๆ หนึ่งที่ถูกอิจฉาริษยา เขาเองก็รู้ตัวดี แต่เขาจำเป็นต้องทำเป็นไม่รู้ ไม่เห็นเสียบ้าง คนที่คิดปองร้ายเขา คือนักโทษคนหนึ่งที่ซีซาร์เองเป็นผู้ออกคำสั่งให้ไว้ชีวิต จูเลียสไม่เคยคิดเลยว่า คน ๆ นี้จะเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้ เขาผู้นั้นมีชื่อว่า มาร์คุส จูนิอุส บรูตุส ซึ่งเขารับเป็นลูกเลี้ยงในเวลาต่อมา
การลอบฆ่าเป็นไปอย่างง่ายดาย ซีซาร์เองไม่เคยได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย จึงไม่มีการระวังตัวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามในวันที่ 14 มีนาคมก่อนคริสต์ศักราช 44 ปี ซึ่งเป็นวันก่อนวันเกิดเหตุร้ายเพียงหนึ่งวัน ก็ได้มีสัญญาณหลายอย่างที่แสดงว่า โลกเรากำลังจะต้องสูญเสียผู้ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่ง พายุพัดแรงจัด มีดาวหางขึ้นในท้องฟ้าคัลเฟอร์เนีย ภรรยาของจูเลียสนึกสังหรณ์ใจจนถึงกับกราบขอร้องอ้อนวอนมิให้สามีเธอเดินทางไปประชุมสภาเซเนทในวันรุ่งขึ้น แต่จูเลียสกลับหัวเราะเยาะราวกับเห็นเป็นเรื่องขบขันเสียเต็มประดา จูเลียสดื้อรั้นที่จะไปประชุมในวันนั้นให้ได้ เมื่อเขาเดินผ่านห้องโถง รูปปั้นตัวเขาเองก็หล่นลงมาแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นอกจากนั้นระหว่างทาง มีชายคนหนึ่งแอบส่งจดหมายให้เขาฉบับหนึ่งขอร้องให้เขาอ่านก่อนที่จะเข้าประชุม แต่จูเลียสเพียงแต่กำไว้ในมือโดยไม่ทันได้อ่าน ถ้าเพียงแต่เขาจะได้มีโอกาสอ่านจดหมายฉบับนั้น ประวัติศาสตร์โรมันก็คงจะเปลี่ยนไปอีกเป็นคนละรูป เพราะในจดหมายฉบับนั้นมีรายชื่อของผู้ที่คิดวางแผนจะเอาชีวิตเขาทั้งหมด รวมทั้งแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการนั้นด้วย
11.00 น. เช้าวันที่ 15 มีนาคม ก่อนคริสต์ศักราช 44 ปี ขณะที่จูเลียส ซีซาร์กำลังยืนอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการประชุมในสภาเซเนท แคสซิอุส มาร์คุส จูนิอุส บรูตุส ลูกเลี้ยงของเขา หนึ่งในจำนวนผู้วางแผนทรยศก็ได้ปักดาบคู่มือทะลุผ่านลำคอ ซีซาร์ยกมือขึ้นรับ แต่ก็ไม่สำเร็จ เขาล้มลงขาดใจตายจมกองเลือดอยู่ ณ ที่นั่นเอง

[แก้]การตีความคำพูดสุดท้ายของซีซาร์

ซีซาร์เป็นเผด็จการแต่ก็ไม่เคยเป็นจักรพรรดิ แม้ว่าเขาจะมีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนั้น อันเป็นเหตุให้ถูกลอบสังหารในที่สุด คำพูดสุดท้ายของซีซาร์ได้แก่ καὶ σύ, τέκνον (kaì sú, téknon) ในภาษากรีก ภาษาของบุคคลชั้นสูงในกรุงโรม (หรือแปลเป็นภาษาละตินโดยซูเอโทนว่า "Tu quoque, fili" ซึ่งแปลว่า "เจ้าก็ด้วย ลูกชายของข้า") มีความเห็นต่างๆกันไปเกี่ยวกับความหมายในคำพูดสุดท้ายของจูเลียส ซีซาร์
  • การตีความที่พบบ่อยที่สุด คือซีซาร์รู้สึกประหลาดใจที่บุตรชายของตนเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนทรยศ
  • บางคนเชื่อว่านี่เป็นคำสาปที่ซีซาร์แช่งให้บรูตุสได้รับชะตากรรมเดียวกับตน
  • การตีความอีกรูปแบบมีการอ้างอิงถึงสุขภาพที่ทรุดโทรมของซีซาร์ก่อนถึงแก่อสัญกรรม เขาอาจจะเป็นโรคเรื้อน ซึ่งทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียนอย่างรุนแรง ไม่ฟังเสียงทัดทานของคนรอบข้าง และเลือกจะจบชีวิตตนเองในที่สุด คำพูดสุดท้ายของซีซาร์จึงอาจตีความได้ว่า "เจ้าก็ด้วย ลูกชายของข้า เจ้าจะต้องแก่และอ่อนแอ และมีชะตากับเดียวกับข้า"
  • และท้ายสุด เป. อาร์โนด์ ได้เสนอแนวทางตีความต่อไปนี้ เราพบว่าซูเอโทนก็ใช้คำว่า καὶ σύ, τέκνον เมื่อ ซีซาร์ออกุสตุส กล่าวถึง กัลบา บุตรชาย (ซึ่งได้กลายเป็นจักรพรรดิในเวลาต่อมา) ในความหมายว่า "เจ้าก็ด้วย บุตรของข้า เจ้าจะสืบทอดอำนาจข้าต่อไป" แม้แต่ดิออน ซาสซิอุส ก็ใช้คำนี้เพื่อบอกเล่าเรื่องของ 'ทิเบรุส เคลาดิอุส เนโร' กล่าวกับกัลบา คนเดียวกัน ดังนั้น เมื่อซีซาร์ถูกลอบสังหารอย่างเป็นทางการเพื่อปกป้องสาธารณรัฐ เขาจึงได้กล่าวโทษบรูตุสซึ่งต้องการขึ้นสู่อำนาจเช่นเดียวกับเขา และได้กล่าวทำนายการลอบสังหารบรูตุสในอนาคตว่าจะเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่เขาถูกลอบสังหาร

ประตูชัยฝรั่งเศส


ประตูชัยฝรั่งเศส
 
ประตูชัยฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส: Arc de triomphe de l'Étoile)

ประตูชัยฝรั่งเศส กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
 
เป็นอนุสรณ์สถานสำคัญแห่งกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่กลางจัตุรัสชาร์ลส์ เดอ โกลล์ (Place Charles de Gaulle) หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม จัตุรัสแห่งดวงดาว (Place de l'Étoile) อยู่ทางทิศตะวันตกของชองป์-เซลิเซ่ส์ ประตูชัยแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการสดุดีถึงวีรชนทหารกล้าที่ได้ร่วมรบเพื่อประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสงครามนโปเลียน และในปัจจุบันยังเป็นสุสานของทหารนิรนามอีกด้วย
           ประตูชัยแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "แนวเส้นตรงทางประวัติศาสตร์" (L'Axe historique) ซึ่งเป็นถนนเส้นตรงจากสวนพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ไปยังชานเกรุงปารีส ประตูชัยแห่งนี้ออกแบบโดย ฌอง ชาลแกร็งในปี พ.ศ. 2349 โดยมียุวชนเปลือยชาวฝรั่งเศสกำลังต่อสู้กับทหารเยอรมัน เต็มไปด้วยเคราและใส่เกราะเป็นสัญลักษณ์เพื่อเป็นการปลุกใจ และเป็นอนุสรณ์สถานจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 1ประตูชัยฝรั่งเศสมีความสูง 49.5 เมตร (165 ฟุต) กว้าง 45 เมตร (148 ฟุต) และลึก 22 เมตร (72 ฟุต) เป็นประตูชัยที่ใหญ่รองเป็นอันดับสองของโลกที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน แบบของประตูชัยฝรั่งเศสนี้ได้แนวความคิดมาจากประตูชัยไตตัส ประตูชัยฝรั่งเศสมีความใหญ่มาก เพราะหลังจากมีการสวนสนามในปรุงปารีสเมื่อปี พ.ศ. 2462 ชาร์ลส์ โกดฟรัว ได้ขับเครื่องบินนีอูปอร์ต (Nieuport) ผ่านกลางประตูชัยฝรั่งเศสเพื่อเป็นการสดุดีเหล่าทหารอากาศที่ได้เสียชีวิตในสงครามโลก

สุสานหินดอลเม็นในเดนมาร์ค ดอลเม็น (Dolmen)


สุสานหินดอลเม็นในเดนมาร์ค ดอลเม็น (Dolmen) คือ สุสานหินหรือ Megalithic Tombs ประเภทหนึ่งในสุสานหินทรายของยุคหินใหม่ในยุโรป คำว่า "Megas" แปลว่า "ใหญ่" และ "Lithos" แปลว่า "หิน" สร้างขึ้นในช่วง 2500-1500 B.C
    เนินดิน(Mound) ที่บรรจุสุสานไว้นั้นเป็นเนินดินที่สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ เป็นการสร้างห้องบรรจุศพ(chamber) ด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ขึ้นก่อน แล้วจึงกลบด้วยเนินดินในภายหลัง ขนาดของเนินดินและขนาดของห้องบรรจุศพนั้นแต่ละสุสานไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่จะเป็นสุสานแบบคอลเล็คทีฟ (Collective) คือสุสานหนึ่งๆบรรจุศพไว้หลายศพ สำหรับสุสานดอลเม็นนั้น มิได้เป็นสุสานแบบคอลเล็คทีฟอย่างแท้จริง เพราะดอลเม็นแบบเก่าที่สุดที่พบ บรรจุศพไว้เพียงศพเดียวเท่านั้น 
     ระหว่างสมัยหินใหม่ตอนต้นในประเทศเดนมาร์ค นอกจากจะเป็นที่อาศัยของนักล่าสัตว์และหาปลาแล้ว ยังมีชนกลุ่มใหม่กลุ่มหนึ่งอพยพเข้ามาจากทางภาคตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ชนกลุ่มนี้นำเอาการสร้างสุสานหินเข้ามาเผยแพร่ในดินแดนแถบสแกนดิเนเวียแลยุโรปภาคเหนือ การเดินทางเข้ามาสู่สแกนดิเนเวียของชนกลุ่มนี้แบ่งออกเป็นสองสาย
     - สายหนึ่งผ่านเข้ามาทางท้องถิ่นต่างๆของยุโรปตะวันตก ฝรั่งเศส อังกฤษ ไอร์แลนด์ แล้วจึงเข้าสู่สแกนดิเนเวีย ชนกลุ่มนี้ได้นำเอาการสร้างสุสานหินแบบใหม่เข้ามาเผยแพร่      -พวกวัฒนธรรมฟุนเนล บีคเกอร์(Funnel Beaker) ซึ่งมาจากภาคกลางของยุโรป
     การเผยแพร่ประเพณีการสร้างสุสานหินนี้ ได้เป็นไปพร้อมกับการเผยแพร่การทำกสิกรรม ระบบสังคม ศาสนาและประเพณีการฝังศพ วัฒนธรรมสุสานหิน (Megalithic Culture) ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพวกพื้นเมืองของสแกนดิเนเวียอย่างช้าๆ
     ถึงแม้ว่าดอลเม็นจะเป็นวัฒนธรรมพวกชาวไร่ชาวนาพวกแรกของสแกนดิเนเวีย แต่ดอลเม็นแห่งแรกก็ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในระยะเริ่มแรกของยุคหินใหม่ตอนต้น แต่กลับถูกสร้างขึ้นในปลายยุคหินใหม่ตอนต้น
    ในประเทศเดนมาร์ค สุสานหินจะปรากฏอยู่บนชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของคาบสมุทรจัตแลนด์(Jutland) เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นที่เกาะซีแลนด์ (Zealand) ฟลอสเตอร์(Falster) โลแลนด์ (Loland) ลังเงอร์แลนด์ (Langeland) และฟืน (Fyn) ก็มีอยู่มากมาย สุสานหินของสมัยหินใหม่ทั้งหมดที่มีอยู่ในเดนมาร์คนั้น มีจำนวนอย่างน้อยที่สุดถึง 5,000 สุสาน เนื้อที่ส่วนใหญ่ของคาบสมุทรจัตแลนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคเหนือและตะวันออกจะมีสุสานหินแทบทุกหนทุกแห่ง สามารถกล่าวได้ว่า ประเทศเดนมาร์คเป็นศูนย์กลางที่มั่งคั่งที่สุดของสุสานหินในยุโรปภาคเหนือ 
     สุสานหินดอลเม็นแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
    1.ดอลเม็นสร้างอยู่บนเนินดินรูปยาว ผนังด้านยาวของห้องบรรจุศพ จะคู่ขนานกันไปกับขอบด้านยาวของเนินดินเสมอ ดอลเม็นแบบนี้ส่วนใหญ่เป็นดอลเม็นที่ปิดทั้งสี่ด้าน ดอลเม็นแบบที่1ที่สร้างอยู่บนเนินดินรูปกลมก็มีเหมือนกัน แต่ห้องบรรจุศพจะจะถูกปิดทั้งสี่ด้านเสมอ พบประมาณ 70% พบในชเลสวิกและฮอลส์โตน์ เกาะซีแลนด์
    2.ดอลเม็นสร้างอยู่บนเนินดินรูปยาว แต่ผนังด้านสั้นของห้องบรรจุศพจะขนานกันกับขอบด้านยาวของเนินดิน จะรวมเอาดอลเม็นที่สร้างบนดอลเม็นรูปกลมเข้าไปด้วย แต่ห้องบรรจุศพจะเปิดอยู่ 1 ด้าน และทำเป็นทางเข้าสั้นๆ ส่วนใหญ่จะพบที่กึ่งกลางของเกาะและโลแลนด์ จัตแลนด์ภาคใต้ ฟืน ชเลสวิก และฮอลส์ไตน์
    3.ดอลเม็นรูปรี สร้างอยู่บนเนินดินรูปกลมเป็นส่วนใหญ่ ผนังห้องบรรจุศพด้านหนึ่ง จะเปิดเป็นทางเข้าอยู่เสมอ ถ้าหากดอลเม็นแบบนี้พบอยู่บนเนินดินรูปยาวแล้ว ผนังด้านยาวของห้องบรรจุศพก็จะขนานไปกับขอบด้านยาวของเนินดินและมีทางเข้าปิดอยู่ด้านใดด้านหนึ่งเสมอส่วนใหญ่จะพบที่ดัวร์สแลนด์และตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะซีแลนด์
     ดอลเม็นแบบเก่าที่สุด เป็นที่ถูกก่อสร้างขึ้นอย่างง่ายๆ ด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ สร้างเป็นห้องบรรจุศพแคบๆ รูปรีแล้วปิดหลังคาด้วยด้วยก้อนหินขนาดมหึมา(Cap stone) เพียงแท่งก้อนหินที่ใช้ปิดหลังคานั้น โดยทั่วไปแล้วมีน้ำหนักหลายๆตัน วางปิดหลังคาไว้ หินมุงหลังคานี้เป็นส่วนเดียวที่โผล่ขึ้นมาเหนือดิน ให้คนภายนอกแลเห็นสุสานได้จากระยะไกลๆ ส่วนที่เหลือทั้งหมดปกคลุมด้วยเนินดินซึ่งมีรั้วหินล้อมรอบเนินไว้อีกชั้นหนึ่ง สำหรับรั้วที่สร้างไว้ล้อมรอบเนินดินรูปยาวนั้น มักเป็นรั้วที่สร้างด้วยหินแท่งใหญ่กว่า และตั้งไว้ชิดกันมากกว่ารั้วของเนินดินรูปกลม    หินที่สร้างเป็นผนังห้องบรรจุศพนั้นถูกตั้งให้เอนเข้าหากันเพื่อให้รับน้ำหนักของหินมุงหลังคาได้อย่างสมดุลย์ ห้องบรรจุศพของดอลเม็นแบบเก่าที่สุดมีขนาดเล็กมาก บรรจุศพได้ในท่านั่งงอตัวเท่านั้น ห้องบรรจุศพขนาดเล็กที่สุดก็ประมาณ 0.50 -1.25 เมตร ส่วนห้องบรรจุศพขนใหญ่ที่สุดประมาณ 1.25-3.75 เมตร 
    สุสานหินดอลเม็น เป็นประจักษ์พยานแห่งการรู้จักงานสถาปัตยกรรมที่ชำนาญของมนุษย์หินใหม่ได้เป็นอย่างดี เทคนิคอันหนึ่งที่พระเจ้าเฟรดเดอร์ริคที่ 7 แห่งประเทศเดนมาร์คได้ทรงอธิบายไว้อย่างสมเหตุสมผลถึงการยกย้ายและเคลื่อนที่ก้อนหินมหึมาเหล่านั้นของพวกมนุษย์ยุคหินใหม่ จะใช้ใม้ซุงขนาดใหญ่สอดกลิ้งเป็นเครื่องผ่อนแรง โดยผลักก้อนหินขึ้นบนไม้ซุงสับเปลี่ยนกันไป งานที่ยากที่สุดก็คืองานการยกหินมุงหลังคาขึ้นมุงหลังคา จะทำโดยการถมห้องบรรจุศพเสียก่อนทั้งภายนอกและภายในด้วยดินและเศษไม้ให้แน่น แล้วจึงกลิ้งหินก้อนมหึมานั้นขึ้นปิดหลังคา เมื่อตั้งก้อนหินเรียบร้อยแล้ว จึงโกยเศษไม้และดินออกไปให้หมดจากห้องบรรจุศพแล้วจึงก่อเนินดินกลบสุสานเหลือไว้ให้เห็นแต่หลังคา 
     ดอลเม็นทั่วไปพบตั้งอยู่บนที่ราบต่ำเพราะเคลื่อนย้ายง่าย มีดอลเม็นเพียงแห่งเดียวในเดนมาร์คที่สร้างอยู่บนยอดเนินดินสูงตามธรรมชาติ คือ ดอลเม็นที่ตำบล "ทอลเคียกเค็น" (Trolkirken) ใกล้ๆกับเมืองซึนเดอร์ โฮล์ม (Sonderholm) ที่สร้างได้ลักษณะสวยงามยิ่ง ดอลเม็นที่สวยที่สุดในประเทศเดนมาร์คคือ ดอลเม็นรูปยาวที่อยู่บนเกาะ Langeland เป็นสุสานของพระเจ้าฮัมเบิล(King Humble' s grave)
     สุสานหินดอลเม็นในประเทศเดนมาร์คมีอย่างน้อยที่สุดประมาณ 5,000 แห่ง ที่แห่งใดมีความอุดมสมบูรณ์มักจะพบดอลเม็นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ชายทะเลใกล้เมืองฮอร์เส็น(Horsen) และไวเยอร์ (Vejle) เกาะโลแลนด์และซีแลนด์ก็มีมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกาะซีแลนด์
     เครื่องสังเวยที่พบบรรจุในสุสานของผู้ตายนั้น ในสุสานของชายประกอบด้วยขวานหินขัด (flint axes) ขวานสงคราม(Battle-axes) และภาชนะเครื่องปั้นดินเผา ที่บรรจุในสุสานหินเหล่านี้ คงใส่อาหารและเครื่องดื่มสำหรับผู้ตาย อันแสดงถึงศาสนาและความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องคนตายและวิญญาณ

ที่มา สุสานหินดอลเม็นในเดนมาร์ค ดร.เพ็ญศักดิ์ จักษุจินดา