วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แยมพริก

วันนี้ขอเสนอแยมพริกเป็นสูตรที่ได้มาจากเชฟดังของอังกฤษ Nigella Lawson แยมพริกนี้กินดีกับ ชีสหรือไม่ก็ cold meat…เนื้อเย็น เป็นพวกเนื้อชิ้นใหญ่หรือไก่ต้มกับผักสามสหายของฝรั่งคือ แครอต เซเลอรี่ และหอมใหญ่ตัดเป็นท่อนใหญ่ๆ ใส่เกลือเล็กน้อย ต้มไปเรื่อยๆจนสุก ไม่ให้เปื่อยมากทานทุกปีในวันคริสมาสต์ค่ะแต่ทานกับซอสใบโหระพา



เครื่องปรุงไม่มีอะไรมาก
พริกชี้ฟ้าแดง๑๕๐ กรัม
พริกระฆังแดง๑๕๐ กรัม
นำ้ส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์๖๐๐ ซีซี
นำ้ตาลทรายสำหรับทำแยม๑ กก หากไม่มีให้ใช้นำ้ตาลธรรมดาแล้วผสมเจลลี่ผง หรือไม่ก็เจลลาตินแผ่นนะคะ
เริ่มจากล้างพริกให้สะอาด ผ่าเอาเมล็ดออก สับเป็นชิ้นหยาบๆ ก่อนหย่อนลงเครื่องปั่น ปั่นให้ได้ชิ้นเล็กๆ
  
ต้มนำ้ส้มผสมนำ้ตาลทำแยม ห้ามคน ใช้ไฟอ่อน
พอนำ้ตาลละลายหมดก็ใส่พริกลงไป เพิ่มไฟกลาง 
 ยกลงทิ้งให้เย็นโดยไม่คนเด็ดขาด ประมาณ ๔๐ นาที แยมจะเหนียวหนืดขึ้นเป็นเนื้อเจลลี่ สังเกตได้จากการที่เนื้อพริกจะจมลงในแยม 
เตรียมขวดแยม ๔ ขวดที่ล้างสะอาด และทิ้งในเตาอบ ๑๐๐ องศาเซลเซียสมาสักระยะ
คนแยมให้เนื้อพริกกระจายให้ทั่ว ชิ้นพริกจะได้กระจายไม่กระจุกเฉพาะด้านบนนะคะ จากนั้นรินลงขวดให้เกือบเต็มแล้วปิดฝาทันที ไม่ต้องควำ่ขวดเหมือนตอนทำแยมคราวที่แล้วนะคะ

ทิ้งให้เย็น ห้ามขยับ รอจนมั่นใจแยมเซ็ตตัวดีแล้ว ค่อยติดสลาก หมายเหตุ..ที่เห็นเป็นตัวอย่างไม่ดี ที่ใจร้อนไม่รอให้ครบ ๔๐ นาทีก่อนตักใส่ขวด พริกเลยลอยขึ้นข้างบนค่ะ
ว่าแต่เราจะกินแยมนี่กับอะไรดีหนอ เนื่องจากช่วงนี้ลดการทานเนื้อลงและหันมากินผัก เต้าหู้มากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่มีติดบ้านเสมอคือชีสค่ะ คุณสามีชอบและดิฉันก็ติดกินชีสมาตั้งแต่ตอนอยู่ฝรั่งเศส วันนี้เราเสิร์ฟแยมพริกกับชีสสามสัญชาตินะคะ 
เริ่มจาก Stilton บลูชีส จาก Oxfordshire อังกฤษค่ะ เป็นชีสกลิ่นแรงทำจากนมวัว แต่ดิฉันชอบเหลือเกิน ถือเป็นตระกูลเดียวกับบลูชีสชื่อดังจากทางใต้ของฝรั่งเศส คือ Roquefort 
อีกตัวคือ Commonbert ชีสนุ่มแบบครีมๆ จาก Normandie ของฝรั่งเศส 
สุดท้ายคือ Chèvre ชีสแพะซึ่งที่มีชื่อจะมาจากฝรั่งเศส แต่เนื่องจากที่นี่ชีสนี่แพงมาก ดิฉันเลยลองที่ผลิตในสวิสดู ปรากฏว่ารสชาติไม่เลวเลยค่ะ บ้านเราที่จริงเลี้ยงแพะเยอะ น่าลองทำเหมือนกันนะคะ
 เราทานกับขนมปังและเสิร์ฟกับไวน์แดง Rioja จากสเปน ไวน์นี้เป็นขวัญใจมาพักแล้วค่ะ รสชาติดีมาก รสจัดแบบไวน์สเปนแต่นุ่ม งงไหมคะ เอาเป็นว่ากินกับอะไรก็อร่อย
 โม้ซะนาน เอ้าเสิร์ฟเสียเร็ว 




ซานจิมิยาโน (San Gimignano) เมืองน่ารักของแคว้นทัสคานี่


เมืองซานจิมิยาโนเป็นเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฟลอเรนซ์ เมืองหลวงของแคว้น เป็นเมืองที่อยู่ระหว่างกลาง ระหว่างอัญมณีงามของแคว้นคือฟลอเรนซ์และเซียนน่า เป็นเมืองเล็กแต่มีชื่อเสียงมากในอดีตเนื่องจากเป็นเมืองที่สามารถทานการบุกรุกชาวบาบาเรี่ยนได้ ในอดีตเป็นเมืองที่รำ่รวยจากการธนาคารและการค้าขาย และเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักแสวงบุญ ส่วนปัจจุบันก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก จุดเด่นที่น่าสนใจของเมืองนี้ก็คือภูมิทรรศน์ที่อยู่บนเนินและมีหอคอยสูงจำนวนสิบกว่าแห่งตั้งตระหง่านรายเรียงรอบเมือง จุดหมายก็คงเพื่อการป้องกันการบุกรุกของศัตรู ปัจจุบันมีเพียงหอคอยเดียวที่เปิดให้ขึ้นชมได้ 


เมืองซานจิมิยาโนพร้อมหอคอยสูงตระหง่าน

ทางเดินขึ้นใจกลางเมือง

มุมเล็กๆในเมืองไกล้กับโบสถ์

คราครำ่ไปด้วยนักท่องเที่ยว

หอสูงกับฟ้าใส

ลานหน้าโบสถ์

เราเริ่มไต่ขึ้นหอคอยเพื่อชมวิว

ภาพเมืองโดยรวมที่แวดล้อมด้วยพื้นที่เกษตรกรรม ปลูกพวกองุ่นทำไวน์ โอลีฟ และพืชผัก

มุมนี้เขียวดีค่ะ

มองลงไปที่ด้านล่าง

คาเฟ่ง่ายๆให้นั่งพัก คลายเหนื่อยคลายร้อน หน้าร้อนที่นี่ก็ใช่เล่นค่ะ

ร้านรวงเล็กๆน่ารักๆแทรกอยู่ทั่วทุกมุม แต่กรุณาอย่าถามราคา ซื้อไม่ลงจริงๆค่ะ

ภาพวาดเพดานโบสถ์ที่ดิฉันว่าสวย มีชีวิตชีวาที่สุดเท่าที่เคยเห็น

ห้องแสดงภาพเก่าเริ่มตั้งแต่ตั้งเมืองเมื่อยุคคริสศตวรรษที่ ๑๐ สวยมากค่ะ มีทุกสมัย หากมีเวลาก็อยากเดินดูนานๆ จะสังเกตเห็นวิวัฒนาการของรูปภาพแต่ละสมัย บางช่วงเศร้า จากนั้นเข้าสู่ช่วงก่อนเรอเนซองส์ก็จะเริ่มมีสี เริ่มมีทองปน ซึ่งดิฉันว่ายุคนี้สวยสุด แล้วก็เข้าสู่เรอเนซองส์ซึ่งจะหรูแฟ่มากๆ อลังการทุกอย่าง ภาพพวกนี้จะเห็นอยู่ทั่วไปในฟลอเรนซ์ค่ะ

ซุ้มประตูโค้งพร้อมธงสัญลักษณ์

เดินเหนื่อยชักหิว แวะเข้าไปที่ร้านอาหารเล็กๆที่ได้รับการแนะนำจาก Guido เจ้าของโรงแรมที่พวกเราพัก ไม่ผิดหวังค่ะ จากนั้นทุกวันเราแพลนทริปก็จะไปขอคำแนะนำจากเขาทุกวันว่าเมืองนี้ ทานที่ไหน ดูอะไร 

เชิญเลือกตามสบายเถิด ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศสดๆ ชีส มะกอก แฮม ซาละมี่ ไส้กรอกรมควันต่างๆ เสิร์ฟพร้อมไวน์ทอสกัน 

ค่ะได้ทานบรูสเค็ตต้า (Bruschetta) ครั้งแรกก็ที่นี่ ติดใจเลย ทำง่ายมากๆโดยการหั่นมะเขือเทศเป็นชิ้นๆ ใส่นำ้มันมะกอก เกลือนิดหน่อย แล้วก็ใส่ใบเบซิลแห้ง จากนั้นก็ปิ้งขนมปัง ขูดกระเทียมปอกเปลือกบนผิวหน้า แล้วโปะด้วยมะเขือเทศที่เตรียมไว้ อร่อยง่ายๆ

ทางขึ้นบ้านใครก็ไม่รู้ สวยเชียว

วิวระหว่างทางกลับตอนเย็น

ขอแวะถ่ายโอลีฟหน่อย ไม่เคยเห็นติดลูกเลย โอลีฟที่นี่ใช้ดองค่ะ อร่อยเพราะไม่เค็มมาก ลูกไม่ใหญ่ แต่หาซื้อไม่ค่อยได้เลย 

กินถั่ววอลนัตเพื่อสุขภาพ

ด้วยความสามารถต้านอนุมูลอิสระ ถั่ววอลนัตจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรง
ผลวิจัยล่าสุดจากประเทศสหรัฐอเมริกาเผยว่า ถั่ววอลนัตมีความสามารถต้านสารอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์ร่างกายเสื่อมและเป็นสาเหตุของโรคร้ายต่างๆ ได้มากกว่าถั่วชนิดอื่นๆ
ในถั่ววอลนัตประกอบไปด้วยสาร polyphenol จำนวนมาก อันเป็นสารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและช่วยป้องกันไม่ให้สารอนุมูลอิสระทำร้ายเซลล์ต่างๆ อย่างรุนแรง โดยถั่ววอลนัตมีสาร poly-phenol มากกว่าถั่วชนิดอื่นๆ เช่น อัลมอนด์, ถั่วลิสง, พิสตาชิโอ, แมคคาเดเมีย, ฯลฯ ถึง 2 เท่า
นอกจากนี้ถั่ววอลนัตยังประกอบไปด้วยโปรตีน, ไฟเบอร์, วิตามินต่างๆ ซึ่งนักค้นคว้ากล่าวว่า จะเป็นการดีหากเรารับประทานถั่ววอลนัต 7 ลูกต่อวัน
ผลวิจัยก่อนหน้านี้ยังชี้ให้เห็นถึงความสามารถของถั่ววอลนัต ที่ช่วยเพิ่มความสามารถของสมองจากการต้านสารอนุมูลอิสระไม่ให้ทำลายเซลล์สมอง และจากการทดสอบกับหนูทดลองพบว่าถั่ววอลนัตยังช่วยชะลอความชราของร่างกายลงได้ 2%