วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Max Ernst


แอร์นส์ท เกิดวันที่ 2 เมษายน ปี 1891 ณ เมืองบรูห์ล เมืองเล็กๆของแคว้นไรน์ ประเทศเยอรมนี พ่อของเขาเป็นครูสอนโรงเรียนเด็กพิการทางหูและเป็นใบ้ แต่มีความชื่นชอบทางศิลปะ และได้ปลูกฝังให้แอร์นส์ทมีใจรักทางด้านศิลปะตั้งแต่ยังเด็ก
ส่วนแม่ของเขา เป็นคนสวย ผมดำ ผิวขาว อารมณ์ดี เธอมีพรสวรรค์ในการเล่านิทาน พ่อของแอร์นส์ทได้พาเขาไปวาดรูปในป่าขณะที่เขามีอายุได้ 3 ขวบ แอร์นส์ทอธิบายไว้ว่า มีความรู้สึกผ่อนคลายเมื่อเข้าไปในป่าครั้งแรก เกิดความรู้สึกปีตียินดีในความเหนื่อยล้าและรู้สึกสดชื่น แต่ในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกเหมือนถูกควบคุมไว้โดยต้นไม้หนาทึบรอบๆตัว มีความรู้สึกอิสระแต่ก็คล้ายถูกกักขัง และคำถามที่ต้องหาคำตอบในความสงสัย ตลอดจนความรู้สึกเกี่ยวกับป่านั้น ทำให้แอร์นส์ทแสดงออกทางภาพจิตรกรรมอย่างมากมายตลอดช่วงอายุของเขา
ปี 1897-1908 แอร์นส์ทเข้าศึกษาระดับชั้นประถมและมัธยมที่เมืองบูรห์ล พร้อมด้วยความชื่นชมและหวาดกลัวต่อระบบการปกครองของกษัตริย์พระเจ้าไกเซอร์วิลเลียมที่ 2 แห่งเยอรมนี ที่ปกครองประเทศด้วยอำนาจแบบเผด็จการ จิตใจของแอร์นส์ทก็ค่อยๆเริ่มเข้าสู่การต่อต้าน ซึ่งในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 นั้น เป็นช่วงเวลที่ลัทธิเสรีนิยมและชาตินิยมเริ่มกระจายไปทั่วทั้งยุโรป ชนชั้นสามัญได้พากันเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในทุกๆด้าน รวมทั้งด้านความเสมอภาคของทุกชนชั้น
ปี 1906 เมื่ออายุ 15 ปี นกแก้วที่แอร์นส์ทเลี้ยงไว้ชื่อฮอนนีบอม (เป็นนกแก้วหลากสี ฉลาดและแสนรู้) ตายในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นคืนเดียวกับลูกคนที่ 6 ของครอบครัวได้เกิดมา น้องสาวคนใหม่ชื่อปอลโลเนีย เป็นวัยที่ไร้เดียงสา ขณะเดียวกันก็ให้ความสุขกับชีวิต ทำให้แอร์นส์ทคลายความโศกเศร้าลงไปได้บ้างจากการที่นกแก้วได้ตายไป แต่ในความทรงจำตลอดจนจินตนาการของแอร์นส์ทเกี่ยวกับคนและนกมีความขัดแย้งหรือต่อต้านกันอยู่ โดยศึกษาได้จากภาพสะท้อนให้เห็นในผลงานของเขาซึ่งปรากฏรูปคนและรูปนกผสมผสานกันอยู่ (สอดคล้องกับภาษานก ที่ทางกลุ่มพยายามค้นหาความลี้ลับ และถือว่ามีความเป็นอิสระ)
หลังจากจบชั้นมัธยมแล้ว แอร์นส์ทได้เข้าศึกษาต่อในชั้นสูงสุดในมหาวิทยาลัยบอนน์ สาขาวิชาปรัชญา ครอบครัวของแอร์นส์ทเริ่มกวดขันด้านการศึกษาต่อของเขา แต่แอร์นส์ทก็มักจะหนีเรียนไปรับจ้างทำงาน โดยเป็นผู้ช่วยฮาร์พในการทำงานด้านศิลปะ เขาไม่สนใจในการเรียนหรือทำกิจกรรมที่จะเป็นผลดีต่อการเรียน แต่ไปสนใจในวิชาปรัชญาของกวีนอกรีต แอร์นส์ทซึมซับรับเอาทุกถ้อยความและเริ่มคิดอย่างสับสน
เขาสนใจศิลปินอย่างเช่น บอช, โกยา, โมเน่ต์, เบรอตง, แวนโกะ, กรุนเนอวาลด์, โกแกง, อาลเดอร์เฟอร์, เซอราท์, แมคคี, ฟริดริช, ปิคาสโซ, คานดินสกี และเดอลาวเนต์ รวมทั้งคนอื่นๆอีกมากมาย เขาจะทำอย่างไรดี ในใจเต็มไปด้วยคำถาม แอร์นส์ทเริ่มเที่ยวเตร่ เขาติดสุราและการพนัน บรรดารูปวาดและรูปปั้นที่สะสมอยู่ในคลินิกรักษาคนไข้โรคจิต (เป็นผลงานของผู้ป่วยทางจิต) กระตุ้นให้แอร์นส์ทถูกโน้มน้าวไปสู่ความสำเร็จ จนเกือบในบั้นปลายของชีวิตที่แอร์นส์ทค้นพบความจริงเกี่ยวกับกระบวนการสร้างงานอย่างไร้ขอบเขต จากการสร้างงานด้วยเทคนิคอัตโนมัติ ในปี 1925 ซึ่งเป็นกระบวนการที่แสดงออกของจิตไร้สำนึก จากเทคนิคการทำภาพพิมพ์ถู (Frottage) ผสมกับการระบายสี
นอกจากการเข้าเป็นสมาชิกในกลุ่มดาดาแล้ว แอร์นส์ทยังมีเพื่อนอีกหลายคน ซึ่งเป็นเพื่อนที่จริงใจต่อกันและยังจำกันได้ไม่มีวันลืม เช่น ออกัส แมคคี ผู้มีความกระตือรือร้น มีอารมณ์ขันแบบแหลมคม ซึ่งแมคคีก็ชื่นชมต่อแอร์นส์ทเช่นเดียวกัน  อีกทั้งพวกจิตรกร พวกกวี ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มเซอร์เรียลิสม์นั้น ต่างก็มีความเกื้อหนุนกันอย่างดี นับตั้งแต่ครั้งรวมกลุ่มกันในนามดาดามาแล้ว
ปี 1919 แอร์นส์ทได้เข้าร่วมกลุ่มกับพวกจิตรกรและกวีดาดา จนกลายเป็นคนสำคัญระดับผู้นำของกล่มด้วยการเสนอแนวความคิด การต่อต้านขั้นพื้นฐานทางสายตาสัมผัส และสร้างผลงานภาพปะติดจนเป็นที่ยอมรับของกลุ่ม
ปี 1921 หลังจากกลุ่มดาดาสลายตัวไป แอร์นส์ทได้รวมกลุ่มกับเบรอตง อพอลิแนร์ และคนอื่นๆที่ยังคงสืบทอดเจตนารมย์ของกลุ่มดาดาอยู่ ด้วยการก่อตั้งกลุ่มเซอร์เรียลิสม์ เพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงของการแสดงออก แอร์นส์ทได้เปรียบกว่าคนอื่นๆในกลุ่ม เนื่องจากเขาเข้าใจในความหมายเรื่องจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์ (ผนวกกับการที่ได้เรียนวิชาปรัชญามาก่อน) และได้นำมาเป็นแนวทางในการแสวงหาการทำงานด้านศิลปะจนค้นพบเทคนิคฟรอททาจ (ในปี 1925) และได้พัฒนามาเป็นลักษณะเฉพาะตัวในการสร้างงานด้านจิตรกรรมของเขา
ปี 1927 แอร์นส์ทได้แต่งงานกับ มารี เบอร์เท ออเรนซ์ (จากภัยของสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอความจำเสื่อมแล้วลี้ภัยไปอยู่สเปน แอร์นส์ทไม่ได้ติดต่อเธออีก) และเช่าบ้านอยู่ที่เมดอง ภาพอนุสาวรีย์นกเป็นภาพสุดท้ายที่เขาได้วาด ณ ห้องทำงาน โอ ฟูแซง ในช่วงของปีนี้เองที่แอร์นส์ทได้ค้นพบเทคนิคแกรททาจ จากการขดเส้นเชือกและเส้นด้ายที่วางอยู่บนโต๊ะ กระทั่งขยายไปสู่การใช้วัสดุอื่นๆต่อมา ได้มีการจัดแสดงภาพครั้งแรกในปี 1928 ที่หอศิลปะจอร์ช เบนแฮม
ปี 1939 เป็นปีที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2แอร์นส์ทถูกจับเป็นเชลยในฐานที่เป็นชาวเยอรมัน ซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับฝรั่งเศส เขาถูกคุมขังและย้ายไปอยู่ค่ายกักกันเชลยศึกหลายแห่ง เขาพบกับความยากลำบาก ความหิว แต่ไม่ละทิ้งการเขียนภาพ ปี 1939-1940 เขาได้วาดภาพชุด The Robbing of the Bride เป็นภาพที่มีจินตนาการยิ่งใหญ่ ระหว่างถูกจับเป็นเชลยศึก แอร์นส์ทพยายามหลบหนีถึง 2 ครั้ง เมื่อมีการเซ็นสัญญาสงบศึก เขาจึงถูกปล่อยตัวและย้ายไปอยู่เมืองแซง มาร์แตง และเริ่มเขียนภาพชุด  Europe After the Rain II ก่อนออกจากฝรั่งเศส เขาไปเมืองมาเซย์ เพื่อเตรียมวางแผนการอนาคตข้างหน้าเพื่อย้ายไปอยู่สหรัฐอเมริกา กระทั่งได้เดินทางถึงนิวยอร์ก ในวันที่ 14 กรกฏาคม  1941 ทำให้เขาได้พบและสนิทสนมกับเพกกี กุกเกนไฮม์ ชาวอเมริกัน ผู้ซึ่งเป็นจิตรกรสมัยใหม่ที่ทำงานศิลปะได้ประทับใจเขา ต่อมาภายหลังทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกัน แค่เพียง 3  เดือน เขาก็หย่าจากกัน ทว่ายังคงติดต่อคบหากันแบบเพื่อน ทั้งยังคอยช่วยเหลือกันอยู่ ที่ในสหรัฐอเมริกา แอร์นส์ทได้พบกับเพื่อนสมาชิกในกลุ่มเซอร์เรียลิสม์หลายคน ซึ่งหลบหนีภัยสงครามมาพำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกา ต่อมาได้รวมกลุ่มกันแสดงผลงานในนิวยอร์ก
ปลายปี 1942 เพกกี กุกเกนไฮม์ ได้มอบหมายให้แอร์นส์ทคัดเลือกภาพของจิตรกรหญิงเพื่อรวบรวมแสดง ณ หอศิลป์ที่เพกกีได้สร้างขึ้น แอร์นส์ทจึงได้รู้จักกับ โดโรเธีย เทนนิง ซึ่งเป็นศิลปินแถบตะวันออกกลาง ก่อนจะลงเอยด้วยการแต่งงานกัน (พวกเขาอยู่ด้วยกันในปี 1943 และแต่งงานกันในปี 1946 ที่บีเวอร์ฮิลส์ ส่วนจูเลียตแต่งงานกับแมน เรย์ ) แอร์นส์ทและโดโรเธียย้ายไปอยู่ในเขตชนบทที่เซโดนา แคว้นแอริโซนา ที่ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์แบบท้องถิ่น มีธรรมชาติ เช่น ทิวเขา ป่าไม้ แม่น้ำ อากาศร้อน มีสัตว์ชนิดต่างๆและที่สำคัญ มีหน้าผาหินเป็นแบบแกรนดืแคนยอน ซึ่งนำไปสู่แรงบันดาลใจจากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ทำให้แอร์นส์ทสร้างผลงานออกมาอีกหลายภาพ
แอร์นส์ทได้สร้างบ้านไม้ของเขาขึ้นเองบนเนินเขาในเซโนดา โดยมีช่างพื้นบ้านผู้ชายหนึ่งคนและมีโดโรเธียเป็นผู้ช่วย เป็นที่ที่มีทิวเขาล้อมรอบ มองลงไปเห็นลำธารอยู่เบื้องล่าง การเดินทางเพื่อไปทำธุรกิจในเมืองนิยอร์กก็ใช้รถคันเก่าๆรวมระยะทางไปกลับกว่า 2,500 ไมล์ แต่ก็มีคนพื้นเมืองเป็นเพื่อนบ้านที่มีอัธยาศัยดี เป็นเขตชนบทที่อบอุ่น
ในปี 1984 แอร์นส์ทได้โอนสัญชาติเป็นชาวอเมริกันจากความช่วยเหลือของเพกกี
ปลายปี 1949-1905 แอร์นส์ทออกจากนิวออร์ลีนส์ โดยสารมาทางเรือเป็นเวลาเกือบ  3 เดือน ไปปารีส เพื่อนำผลงานที่ทำขึ้นในช่วงที่อาศัยในเซโดนา แคว้นแอริโซนาไปจัดแสดงในปารีส ทำให้ได้พบเพื่อนเก่าๆหลายคน เช่น พอล อีลูร์ด, โจแอร์ บุชเกต์แพทริค วาลเบิร์กม โรเบิรต์ เลเบิล, อังเดร ปีแปร์ม, เดอ มองดิลากูร์ม จอร์ช บัลไทม์ม, กีอาโค แมคคีม เรอเน เบอเทล, เพนโรสม, ทริสซัน ทซารา และคนอื่นๆโดยความช่วยเหลือของฟรองซัวส์ วิคเตอร์ ฮิวโก แอร์นส์ทจึงได้เช่าห้องทำ Studio ถนนเรียบแม่น้ำแชงมิเชล ที่ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโบสถ์โนตเทรอะดาม เพื่อจะนำผลงานไปแสดงที่สหรัฐอเมริกา
ปี 1951 แอร์นส์ทนำผลงานไปแสดงที่บ้านเกิดของเขา ณ เมืองบูรห์ล เป็นการแสดงผลงานครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในเยอรมนีของเขา ถึงแม้จะไม่ประสบผลด้านยอดการขาย และมีปัญหหาตามมาอีกมากมาย แต่ชาวเมืองก็ประกาศยกย่องให้เขาเป็นบุคคลดีเด่นแห่งเมืองที่สร้างชื่อเสียงให้แก่บ้านเกิด
ปี 1953 แอร์นส์ทและโดโรเธีย ตัดสินใจกลับไปพักอาศัยในปารีสเพื่อสร้างผลงานช่วงบั้นปลายชีวิตที่นั่น แต่เขากลับไม่ชอบสังคมเมือง ดังนั้นในปี1955 แอร์นส์ทจึงย้ายไปอยู่เมืองที่เงียบสงบ คือเมืองอุยส์เม ใกล้กับเมืองชีลนอง ในแคว้นดูแรง ของประเทศฝรั่งเศส
ปี 1954 หลังจากที่กลับมาอยู่ฝรั่งเศสได้หนึ่งปี แอร์นส์ทได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในงานมหกรรมจิตรกรรมศิลปะนานาชาติ เวนิซ เบียนนาเล่ จากภาพชื่อ The Temptation of St.Anthony ที่วาดในปี 1945 เป็นเงินรางวัลสนับสนุนศิลปินยุโรป ผู้สร้างสรรค์ผลงานเป็นเลิศตลอดระยะเวลาอย่างต่อเนื่อง แม้แอร์นส์ทรู้สึกไม่ยินดีนักกับเงินรางวัลที่ได้รับ ทว่าเขาก็ต้องรับเพื่อนำไปเป็นทุนสำหรับสร้างสรรค์ผลงานและการดำรงชีพ จนถูกสมาชิกในกลุ่มเซอร์เรียลิสม์เชิญให้ออกจากกลุ่ม แต่การติดต่อคบหาสมาคมกันด้วยมิตรภาพอย่างดีเยี่ยมก็ยังคงดำเนินไปอย่างปกติ
ปี 1963 ย้ายออกจากเมืองอุยส์เม ไปอยู่ที่เมืองซีลลังทางตอนใต้ของฝรั่งเศส จึงเป็นอีกลักษณะหนึ่งที่แอร์นส์ทอยู่ที่ไหนนานเกินไปไม่ได้ ตลอดช่วงอายุของแอร์นส์ท เขาจะเสาะหาทำเลใหม่ๆประสบการณ์ใหม่ๆเพื่อเป็นแรงกระตุ้นในการทำงานอยู่เสมอ
วันที่ 1 เมษายน ปี 1976 ชายแก่ผมสีขาว นัยน์ตาสีฟ้าสดใส ปลายจมูกโด่งคมสัน ร่างท้วมเล็กน้อย และชอบเล่นเปตอง ได้เสียชีวิตลงก่อนครบรอบวันเกิดปีที่ 85 เพียงวันเดียวด้วยอาการสงบ ณ กรุงปารีส เขาคือศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ของกลุ่มดาดามาจนถึงเซอร์เรียลิสม์ Max Ernst
อ้างอิงจาก : ประวัติ ผลงาน และการศึกษาวิเคราะห์ ผลงานศิลปะของ Max Ernst  ศิลปินเซอร์เรียลิสม์ผู้ยิ่งใหญ่
โดย สี แสงอินทร์

วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)





เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)

     คนทั่วไปจะจำแนกกุ้ง ประเภทนี้ตามขนาดว่า Prawn ใหญ่กว่า Shrimp เพราะข้างกล่องกะปิส่งออกแปะไว้ว่า Shrimp แสดงว่ามันต้องเป็นกุ้งไซส์ทำกะปิ แต่จริงๆ แล้วเราสามารถเจอ Big shrimp ที่ตัวใหญ่กว่า Small prawn ได้นะคะ ฉะนั้นจะใช้ขนาดเป็นตัวกำหนดอย่างเดียวคงจะไม่ได้
     กุ้งทั้ง อย่างนี้ถือว่ามีจุดต่างกันเยอะเพราะอยู่กันคนละตระกูล ถ้าจับมันมาเทียบกันจะเห็นเลยว่าสามารถบอกความแตกต่างได้ตั้งหลายที่ แต่คงจะเป็นเรื่องยากที่จะจับกุ้งเป็นๆ ชนิดมานั่งดูโดยที่มันดิ้นไปมาอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นจุดต่างที่สังเกตเห็นได้ง่ายที่สุดก็คือเปลือกชิ้นที่ 2 เมื่อนับจากหัวลงมาค่ะ โดยเปลือกชิ้นที่ ของ Shrimp จะทับชิ้นแรกกับชิ้นที่ เห็นโดดเด่นขึ้นมาเลย ส่วน Prawn นั้นเปลือกจะคลี่ทับกันไปทีละอันเหมือนพัดค่ะ
เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)
เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)


เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)
     Weather คือสภาพอากาศแบบวันต่อวันที่เปลี่ยนไปตามเวลาและสถานที่ อย่างข่าวพยากรณ์อากาศจะใช้ weather เพราะวันนี้อากาศอบอุ่นแต่มีความชื้นสูง แต่พรุ่งนี้ฝนน่าจะตกทั่วกรุงเทพ หรือถ้าจะบ่นกับเพื่อนว่าสองสามวันนี้ร้อนมาก แดดเปรี้ยงตลอดก็ใช้ weather ค่ะ

เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)


     Climate คือรูปแบบสภาพอากาศ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งที่ผ่านการสังเกตและทำสถิติมาหลายสิบปีจนรู้แล้วว่าช่วงไหนของปีที่ร้อนที่สุด ช่วงไหนคือหน้าฝน หรืออุณหภูมิต่ำสุดในเดือนไหน เช่นน้องจะไปเรียนเมืองนอกปีหน้า ก็หาข้อมูลว่าฤดูร้อนเขาอยู่ช่วงเดือนไหน อุณหภูมิเฉลี่ยเท่าไหร่ พวกนี้คือclimate ซึ่ง climate จะไม่สามารถบอกละเอียดได้ถึงขนาด “มีเมฆมากเป็นบางส่วน” อย่าง weatherนอกจากนี้ถ้าจะพูดถึงสภาพอากาศที่จะเปลี่ยนแปลงในอีกร้อยปีเพราะโลกร้อน สภาพอากาศในที่นี้คือclimate เช่นกันค่ะ



เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย) 

     Dwarf คือศัพท์ทางการแพทย์สำหรับผู้ที่มีความปกติในโครโมโซมคู่ที่ 4 ซึ่งสามารถแสดงความผิดปกติได้มากกว่า 200 แบบ โดย dwarf จะเป็นผู้ที่มีสัดส่วนร่างกายต่างจากขนาดปกติ และมีส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐาน คำนี้ใช้ได้ทั่วไป ไม่ถือเป็นคำดูถูกเหยียดหยาม และยังสามารถใช้ได้กับพืชหรือสัตว์ที่มีขนาดแคระแกร็นผิดปกติ
     Midget หมายถึงผู้ที่มีความสูงน้อยกว่าปกติ แต่ร่างกายสมส่วน มีสัดส่วนอวัยวะต่างๆ เท่าคนทั่วไปเพียงแต่เหมือนย่อขนาดลงมา ไม่ใช่ผู้มีความผิดปกติในโครโมโซม ปัจจุบันคำนี้มักนำไปใช้ดูถูกเหยียดหยาม dwarf แทน ซึ่งถือว่าผิดทั้งทางภาษาศาสตร์ วิทยาศาสตร์และศีลธรรม


เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)



เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)
     Avenge คือการลงโทษผู้กระทำผิดตามหลักกฎหมายหรือหลักความถูกต้องของสังคม จะแก้แค้นเรื่องส่วนตัวหรือไม่ก็ได้ แต่วิธีลงโทษนั้นจะเป็นไปตามหลักเหตุผลมากกว่าอารมณ์ คำนี้คือที่มาของชื่อ The Avengers ที่เป็นผู้มาลงโทษโลกิ โดยทำไปเพื่อสร้างความสงบสุขแก่สังคมมากกว่าการล้างแค้นด้วยอารมณ์
เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)


     Revenge คือการลงโทษผู้กระทำผิดแบบให้สาสมกับสิ่งที่เขาทำเอาไว้ เป็นการล้างแค้นแบบใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลหรือความถูกต้อง เป็นการแก้แค้นเรื่องส่วนตัว
     ในกรณีที่เป็นการแก้แค้นเรื่องส่วนตัวทั้งคู่ สามารถดูได้ว่าคำที่ใช้ควรเป็น avenge หรือ revengeโดยอยู่ที่วิธีการแก้แค้น เช่น ทอมแก้แค้นฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเขาโดยตามหาหลักฐานมาเอาผิดและสามารถโยนฆาตกรเข้าคุกได้สำเร็จ แม้ทอมจะยิ้งเยาะมองคนร้ายในคุก แต่วิธีแก้แค้นแบบนี้จัดว่าเป็นavenge
     แต่ถ้าทอมแก้แค้นโดยการตามล่าฆาตกรให้เจอ แล้วจับมันมาทรมาน คอยดูมันตายอย่างช้าๆ ทุรนทุรายให้สาสมกับที่มันฆ่าพ่อของเขา แบบนี้คือ revenge (แล้วต้องนึกถึงเสียงหัวเราะแบบเลือดเย็นด้วยนะ เพื่อความเข้าใจ)

เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)

เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)
     Jealousy คือความรู้สึกโกรธ ไม่พอใจที่คนอื่นมีสิ่งที่เราต้องการ บางครั้งหมายความรวมถึงริษยาที่ไม่ต้องการให้ใครได้สิ่งที่ดี สิ่งที่เป็นของเรา หรือสิ่งที่มโนไปเองว่าควรเป็นของเรา นอกจากนี้ยังหมายถึงความรู้สึกกลัว กลัวว่าใครหรืออะไรบางอย่างจะโดนพรากไปจากตัวเรา หรือกลัวว่าเราจะถูกใครหรืออะไรมาแทนที่ จึงใช้ในความหมายของหึงได้ด้วย เพราะกลัวคนรักจะโดนแย่งไป หรือจะใช้ในกรณีที่อาจารย์ที่เห็นเราเป็นลูกรักมาตลอดเปลี่ยนไปชมเพื่อนอีกคนแทนเรา เราเลยกลัวว่าจะโดนแทนที่ 

    
 Jealousy จะค่อนไปทางความยึดติด ทั้งยึดติดกับสิ่งที่เรามีแล้ว และยึดติดกับสิ่งที่เราต้องการจะมี ถ้าความรู้สึกนี้รุนแรงเกินไปก็จะดูโรคจิตแบบในหนังทั้งหลาย

เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)


     Envy คือความรู้สึกอยากได้ อยากมีแบบคนอื่นเขา ซึ่งก็คืออิจฉา แต่ไม่ได้หมายรวมถึงการไม่อยากให้คนอื่นได้ดีกว่าเรา Envy ในระดับเบาๆ ก็เช่นอยากมีกระเป๋าแบรนด์เนมแบบคนนั้นจัง อยากฉลาดแบบเพื่อนคนนั้นบ้าง แต่ถ้า Envy ระดับอันตรายคือไม่ใช่อยากมีแบบเขา แต่อยากเอาของเขามาเป็นของตัวเองเลย เช่นอยากดูดีแบบเพื่อน เลยทำมนตร์ดำสลับร่างกับเพื่อนซะเลย แต่โดยทั่วไปถ้าเป็นenvy ระดับเบาๆ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นแรงฮึดให้เราพยายามจนประสบความสำเร็จอย่างคนอื่นได้ 



เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)
     Reward คือรางวัลในความหมายกว้างๆ มักเป็นเงินหรือสิ่งที่ตีมูลค่าเป็นเงินได้ที่ได้รับเป็นการตอบแทนการกระทำบางอย่าง เช่น ขยันเรียนจนได้เกรดสี่ทุกวิชาพ่อแม่ให้รางวัลเป็นจักรยาน ทำความดีใส่สมุดส่งครูครบก่อนใครในห้องได้รางวัลเป็นชุดเครื่องเขียน หรือกินราเมนครบ 50 ถ้วยได้รางวัลเป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับญี่ปุ่น
เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)


     Award คือรางวัลที่ทรงเกียรติ ยิ่งใหญ่ และต้องผ่านการคัดเลือกหลายรอบ ผ่านการตัดสินจากคณะกรรมการหลายท่านกว่าจะได้ผลสรุป มักเป็นโล่หรือเหรียญรางวัลหรือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ เช่นรางวัลออสการ์ รางวัลแผ่นเสียงทองคำ รางวัลตุ๊กตาทองคำ รางวัลสุพรรณหงส์ รางวัลลูกกตัญญูดีเด่น เป็นต้น

เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)

เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)
     Sex คือเพศทางกายภาพที่มีมาตั้งแต่เกิด
     Gender คือเพศแบบที่ไม่เกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์ แต่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าควรเป็นเพศทางใจของบุคคลนั้นๆ หรือเพศตามความหมายของสังคม ในความหมายของเพศทางใจของบุคคลนั้นๆ คือถ้าดูภายนอกเป็นผู้ชาย ดูยังไงก็เป็นผู้ชาย ต่อให้แต่งหน้าแต่งตัวสวยก็ยังดูออกว่าเป็นผู้ชายแต่ถ้าจิตใจของคนนั้นถือว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ก็จะใช้ gender เป็นหญิง

     แต่สำหรับกลุ่มที่ใช้ 
gender เป็นเพศตามความหมายของสังคม คือสังคมตีความกันว่ารูปร่างหน้าตาแบบนี้คือผู้หญิง โดยไม่ต้องดูอวัยวะสืบพันธุ์ ถ้าดูยังไงก็เห็นเป็นผู้หญิง จัดเป็นเพศหญิงตามสังคมนั้นๆ ถึงแม้ว่ายังไม่ได้ผ่าตัดตรงนั้นก็ตาม กรณีนี้ก็จะนับว่า sex คือผู้ชาย แต่ gender คือผู้หญิง(ส่วนคนแรกที่ดูยังไงก็ยังเห็นเป็นผู้ชายแม้ใจจะเป็นหญิง ถ้าแปลตามความหมายแบบที่สองนี้จะถือว่าgender ก็ยังเป็นชาย)

เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)


     หมายเหตุ สมัยก่อนที่ยังไม่สามารถแยกแยะหญิงชายได้ยากเท่าสมัยนี้ คำว่า male และ femaleของห้องน้ำหมายความตามเพศแบบ sex แต่ปัจจุบันจะถือตามเพศแบบ gender ตามความหมายของสังคมมากกว่า เพราะจะให้กลับไปใช้ห้องน้ำตามเพศโดยกำเนิดก็คงจะไม่ไหว

เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)



เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)
     สองคำนี้เก็บไว้เป็นคู่สุดท้ายเพราะเป็นคำที่นักวิชาการด้านภาษาอังกฤษยังเถียงกันอยู่ทั่วโลก โดยทั่วไป Ship ใหญ่กว่า Boat และสามารถขน Boat ได้ เช่นเรือไททานิกเป็น Ship ส่วนเรือชูชีพบนนั้นเป็น Boat แต่บางคนก็บอกว่าดูแค่ขนาดไม่พอต้องดูน้ำหนักเรือและความจุเรือด้วย ซึ่งแต่ละประเทศก็มีเกณฑ์ต่างกันอีกว่าหนักเท่าไหร่ถึงจะกลายเป็น Ship

เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)


     บางกลุ่มแย้งว่าให้ดูที่ดาดฟ้าเรือ Boat จะมีชั้นเดียว ส่วน Ship จะมีหลายชั้น แต่เดี๋ยวนี้เรือยอร์ชของเศรษฐีหลายคนก็ต่อเติมอลังการงานสร้างจนเรือยอร์ชที่เป็น Boat มีดาดฟ้าหลายชั้นได้เช่นกัน นักวิชาการอีกกลุ่มจึงให้ดูที่การใช้งานโดย Ship จะใช้งานภายในตัวเรือเป็นหลัก แต่ Boatต้องออกมาใช้งานบนดาดฟ้าอย่างเช่นพวกเรือหาปลาที่ต้องมาอยู่กันด้านบน ซึ่งทฤษฎีนี้ดูเหมือนจะถูกต้องที่สุด ทว่ามีเรือประเภทหนึ่งที่คนทั้งโลกใช้ตรงกันว่ามันคือ Boat นั่นคือเรือดำน้ำ ซึ่งเรือดำน้ำก็ต้องใช้งานภายในตัวเรืออยู่แล้ว และเรือดำน้ำก็ไม่ใช่ลำเล็กๆ อย่างเรือดำน้ำที่ใช้ขนส่งเครื่องบินรบและเป็นลานบิน (แบบเรือในหนัง The Avengers) ก็ยังจัดเป็น Boat อยู่ดี จึงสรุปว่าถ้าจะใช้เกณฑ์นี้ให้จำต่างหากไว้ว่าเรือดำน้ำเป็น Boat

เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)


     ทำให้เกิดอีกเงื่อนไขหนึ่งว่า Ship มีตัวเรืออยู่บนผิวน้ำแต่ Boat จะมีตัวเรืออยู่ใต้ผิวน้ำหรืออยู่บนผิวน้ำก็ได้ นั่น ชักจะซับซ้อนไม่ไหวแล้วนะ 555 นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีว่าด้วยการกลับเรืออีกว่า Boat ถ้าจะเลี้ยวหรือกลับหัวเรือไปอีกทางจะมีจุดศูนย์กลางการหมุนอยู่ในตัวเหมือนโลกหมุนรอบตัวเอง แต่ Shipจะมีจุดศูนย์กลางการหมุนอยู่นอกเรือ เหมือนโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์หรือการขับรถรอบวงเวียน งงกันยิ่งขึ้นไปอีกใช่มั้ยคะ


เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)


     หลังจากสืบค้นมาหลายทฤษฎีทั่วโลกเรื่องเกณฑ์การแบ่งประเภทเรือ พี่พิซซ่า ก็ขอเสนอให้ยึดตามที่คนทั่วไปเขาใช้กันว่าลำเล็กคือ Boat ลำใหญ่คือ Ship โดย Boat ไม่อยู่ในน้ำลึกมาก และให้จำเพิ่มต่างหากเอาว่าเรือดำน้ำจัดเป็น Boat


เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)
     นอกจากคำที่แปลได้แต่เหมือนจะไม่เคลียร์แบบเป๊ะๆ แล้ว ภาษาอังกฤษยังมีอีกหลายคำนะคะที่ยากต่อการแปลกลับเป็นภาษาไทยมาก ทั้งที่เรารู้ว่ามันสื่อถึงอะไร ให้อารมณ์ยังไง แต่เราไม่สามารถหาคำไทยคำเดียวมาอธิบายคำนั้นได้เลย เช่น
Facepalm
     สาวก 9GAG คงคุ้นเคยกับคำนี้ดี ถ้าจะแปลตรงตัวคือเอาฝ่ามือปิดหน้า แม้จะเป็นท่าทางที่ถูกต้องมันก็ไม่ใช่ความหมายของคำนี้ เพราะคำนี้มากับอารมณ์ ไม่ไหวแล้ว ผิดหวัง ไม่อยากจะเชื่อเลย หรือขบขันนิดๆ ปนเอือมระอา ซึ่งแปลได้หลายอารมณ์มาก แต่ส่วนใหญ่มักใช้แสดงความทึ่งในความไม่รู้ของอีกฝ่ายหรือรับไม่ได้กับความผิดพลาดที่กระทำลงไป พี่พิซซ่า คิดว่าภาษาไทยที่ใกล้เคียงคือกุมขมับแต่มันก็ไม่ให้อารมณ์เดียวกัน 100% ลองดูตัวอย่างสถานการณ์ที่ใช้ facepalm นะคะ


เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)

เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)

เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)

High Five
     ไม่ได้หมายถึงชื่อเว็บไซต์แต่หมายถึงการตีมือกันทั้งฝ่ามือของคน คน เพื่อแสดงความดีใจ เย้ สำเร็จแล้ว!!! แต่ถ้าให้แปลตรงตัวว่าตีมือกัน มันก็จะไม่ได้ความหมายนี้ (ไม่ต้องพูดถึงความหมายว่าห้าสูงนะคะ)

เด็กดีดอทคอม :: 8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)


     จะเห็นได้ว่าคำที่มักแปลออกมาไม่ได้คือคำที่แสดงอารมณ์ ลองนึกถึงการแปลคำว่า “เกรงใจ” เป็นภาษาอังกฤษดูสิคะ เราหาคำภาษาอังกฤษคำเดียวมาแปลว่าเกรงใจให้ความหมายตรงกันเป๊ะ 100% ไม่ได้เช่นกัน ที่เป็นแบบนี้เพราะความต่างทางวัฒนธรรมค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าคำที่ไม่สามารถหาคำเดียวมาแปลกันได้จะมีแต่คำที่แสดงอารมณ์หรือความคิดนะคะ คำศัพท์ทั่วๆ ไปก็มี เช่น
Home stay
     ราชบัณฑิตยสถานแปลว่า “ค้างแรมที่บ้านชาวบ้าน” ซึ่งเป็นการอธิบายแต่ในภาษาไทยเราไม่มีคำเฉพาะสำหรับคำนี้
Gala dinner
     ราชบัณฑิตยสถานแปลว่า “งานเลี้ยงอาหารค่ำโอกาสพิเศษ” ซึ่งเป็นการอธิบายอีกเช่นกัน เราไม่มีคำเฉพาะ คนส่วนมากจึงนิยมใช้เป็นทับศัพท์แทนที่จะพูดเป็นความหมายในภาษาไทยอย่างในพจนานุกรม

     ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าคำไหนมีบัญญัติเป็นภาษาไทยแล้ว ก็ควรใช้เป็นภาษาไทยไปเลยนะคะ จะได้ช่วยกันอนุรักษ์ภาษาไทยไว้ด้วย เช่น โลกาภิวัฒน์ (globalization), วิสัยทัศน์ (vision), ธนาคาร (bank) หรือ ระดมสมอง (brainstorm) เป็นต้น