วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

นิสัย กรุ๊ปเลือด

ทฤษฎีเรื่องกรุ๊ปเลือด โคตรตรง
> > >>> กรุ๊ปเลือดเป็นตัวกำหนดสายพันธ์ของมนุษย์ เช่น หมาขนแบบนี้สูงเท่านี้
> > >>> เป็นหมาโกลเดนที่ร่าเริง
> > >>> งูพันนี้สายนี้จะมีพิษ กิ้งก่าแบบนี้ ชอบหลับ ตอนบ่าย
> > >>>
> > >>
> ผมเชื่อว่าในมนุษย์ของเราจะมีเผ่าพันธ์แปลกแยกโดยการแบ่งเผ่านอกจากสีผิวแล้วยัง
> > >> มีการแบ่งแบบกรุ๊ปเลือดด้วยครับก่อนหน้านี้มี
> > >>> forward เรื่องเกี่ยวกับนิสัยแต่ละกรุ๊ปเลือดของแต่ละคนมาแล้ว
> > >>> วันนนี้จะเป็นการแสดง ทฎษฎีของผมแบบที่ได้เจอกับตัวเองมา
> > >>>
> > >>> นิยามของคนแต่ละกรุ๊ปเลือด
> > >>> O กวนตีน ชิล
> > >>> B โผงผาง จริงใจ
> > >>> A จุกจิก เนี๊ยบ
> > >>> AB ประหลาด ลึกลับ

> > >>>
> > >>> Group 'O'
> > >>> > > เริ่มจากรุ๊ปนี้ก่อนเลย เพราะทั้งบ้านเป็นโอ
> > >>> > > คนกรุ๊ปโอไม่ต้องตกใจว่าทำไม
> > >>> > > เราเป็นคนที่มีนิสัยชิล มันไม่ได้เกิดจากคุณเอง เกิดจากเผ่าพันธ์
> > >>> > > ยีนของคุณครับ :)
> > >>> > > กรุ๊ปโอมักจะชิลกับตนเองเสมอ
> > >> มาสายมากถึงมากที่สุดเวลานัดกันกับคนอื่นอื่น
> > >>> > > โดนรบกวนได้ง่ายจากปัจจัยภายนอก เช่น
> > >>> > > อยากอาบน้ำร้อนก่อนในวันฝนตกไม่งั้นไม่ออกจากบ้าน
> > >>> > > ขออ่านการ์ตูนก่อนอีกสิบหน้าจะจบแล้ว
> > >>> > > รอฝนมันซากว่านี้แล้วกันค่อยออกแม้จะไปอีกทีสายแล้ว ก็ไม่เป็นไร
> > >>> > > กรุ๊ปโอ
> > >>> > > เป็นพวกไม่มีไฟแล้วทำอะไรไม่ได้ จะนอนอยู่กับบ้านได้ทั้งวัน
> > >>> > > แต่ถ้าวันนึงมีความฝันที่ต้องทำ มีกิเลสที่ตัวเองต้องการ
> > >>> > > จะทำสุดชีวิตแบบถึงเช้าถึงเที่ยงคืนก็ทำได้ ไม่หลับไม่นอน
> > >>> > > ความรักของกรุ๊ปโอจะเป็นพวกรักนานๆ ไปเรื่อยๆไม่หวือหวา
> > >>> > > พวกกรุ๊ปโอ จะเป็นคนไว้ใจคนยาก แต่ถ้ารู้จักกันไปแล้วก็จะติดเพื่อน
> > >>> > > ติดแฟนอย่างแยกไม่ออก เวลากรุ๊ปโอมาเจอกับกรุ๊ปโอกันเองจะจูนยาก
> > >>> > > เพราะจะดูๆกันก่อน
> > >>> > > กรุ๊ปโอเป็นพวกจะคบใครจะค่อยๆดู พอเจอโอกันเองเลยดูกันนาน
> > >>> > > แต่พอคบไปเรื่อยๆจะสนิทกันมากที่สุดกว่ากรุ๊ปอื่น
> > >>> > > แต่ก็จะมีช่องว่างให้กันด้วย กรุ๊ปโอเป็นพวกตามน้ำ
> > >>> > > เวลาจะเอาคนกรุ๊ปโอไปไหน เค้าก็ไปไ! ด้หมดล่ะ แต่ต้องมารับโทรไปตาม
> > >>> > > ให้ความสำคัญต้องอัญเชิญว่าง่ายๆเถอะมาแน่!ต้องให้คนไปง้อ
> > >>> > > กรุ๊ปโอไม่พุดอะไรออกจากใจ
> > >>> > > ภายในทันทีจะไปคิดทีนึงแล้วค่อยมาบอก
> > >>> > > บางทีจะทำอะไรก็ชอบไปปรึกษาก่อนว่าแบบนี้ดีไหม?
> > >>> > > มีเรื่องกลุ้มใจก็จะรบกวนคนรอบข้างคอยช่วยปรับสารทุกข์สุขดิบ
> > >>> > > แล้วก็กลับมาดีได้ด้วยแรงใจของคนรอบข้าง
> > >>> > > กรุ๊ปโอจะเป็นพวกปากหวานถ้าทำอะไรไม่เป็นก็จะทำตาปริบๆ
> ให้คนช่วยทำเสมอ
> > >>> > > นอกจากนี้โอยังเป็นพวกเจ้าสัวใจถึง
> > >>> > > ถ้ากลางที่สาธารณะก็จะหน้าใหญ่ใจกว้าง หลังจากงานเลี้ยงค่อยมาคิด
> > >>> > > เออหมดตัวแล้ว ๕๕๕
> > >>>
> > >>> Group 'B'
> > >>> > > บี เนี่ยผมจะมีเพื่อนสนิทเป็น B เยอะมาก กรุ๊ป B เป็นกรุ๊ป Entertain
> > >>> > > อย่างหนักหน่วงและ เป็นสีสันของวงสนทนา ไอเดียที่ B
> > >>> > > คิดจะตรงพูดจากใจเสมอ
> > >>> > > เรียกเสียงหัวเราะของคนในวงได้เพราะ คนอื่นจะคิด'กูก็คิดแบบนั้น
> > >>> > > แต่ไม่กล้าพูด' บี เป็นรักใครอัดเต็มบ้าเห่อ พอชอบใครจะเอาตัวเอง
> > >>> > > ไปเลียบๆเคียงๆ คนที่ตัวเองชอบแบบเนียนๆ
> > >>> > > ส่วนมากกรุ๊ปบีจะไปชอบคนกรุ๊ปโอ ด้วยความนิ่งกว่าของคนกรุ๊ปโอ
> > >>> > > เพราะบีเจอบีจะระเบิด
> เวลามีเรื่องปั้บออกตัวล้อฟรีจะเป็นจะตายทีเดียว
> > >>> > > เราจะได้เห็นบีในเห็นการแปลกๆเช่นทะเลาะกับยาม โวยวายกับคนโทรสับผิด
> > >>> > > โมโหเพื่อนทั้งที่ยังไม่เคลียร์เรื่องเหตุต้นตอ
> > >>> > > แล้วพอหลังจากมีเรื่องจะมาคิดได้ว่า
> > >>> > > 'น่าจะใจเย็นกว่านี้ หน่อยนะ ,ไม่น่าพูดแบบนี้ไปเลย'
> > >>> > > แต่ก็ด้วยความตรงทำให้ไม่คิดอะไรมาก ถ้าเค้าจะชอบเรา(คนกรุปบี)แบบ
> > >>> > > ที่เป็นเราก็คงดีแล้วบีก็จะลืมเรื่องที่ตัวเองทำเอาไว้
> > >>> > > กรุ๊ปบี บ้าเห่ออย่างที่บอก
> > >>> > > พอรักกันก็ปานจะกลืนพอไม่สนใจก็เอาไปทิ้งถังขยะได้ทีเดียว
> > >>> > > กรุ๊ปบีเป็นพวก
> > >>> > > ชัดเจน ไม่ชอบจะไม่ไปไหนด้วยเลย
> > >>> > > อาจจะเห็นกรุ๊ปบีไปเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
> > >>> > > ตามคนอื่นไปบ้าง แต่พอครั้นอยากจะนอนอยู่บ้านหร! ือ วันนี้รถติดหว่ะ
> > >>> > > ก็ไม่ไปซะเลย ไม่โทรบอกใครด้วย กรุ๊ปบีดูเป็นคนใจร้ายแต่จริงๆ
> > >>> > > เป็นคนจริงใจและค่อนข้างยอมคนที่ตนเองสนิทอย่างมาก
> > >>> > > ถ้าพอในกลุ่มแล้ว บี จะได้รับอิทธิพลจากโอสูงทีเดียวด้วย
> > >>> > > เหตุผลกับความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว ว่าง่ายๆบีแพ้ทางโอ
> > >>> > > บางทีอะไรที่โอทำบีจะปลาบปลื้มมาก แต่พอ เอไปทำบีจะมองว่ารำคาญหว่ะ
> > >>> > > กรุ๊ปบีเป็นกรุ๊ปแห่งอารมณ์
> > >>> > > ไม่มีความเท่าเทียมกันในกรุ๊ปนี้ใช้อารมณ์ตัดสินกันล้วนๆ
> > >>> > > บีไม่ต้องการคำปลอบใจหรือกำลังใจใดใด
> ขอนอนบ้างหลังจากอัดเต็มมาพักนึง
> > >>> > > หรือได้ออกไปด่า
> > >> ทำลายของของคนที่ตัวเองไม่ชอบก็กลับมาดี๊ด่าได้เหมือนเดิม
> > >>> > > อย่าลืมว่าเวลาไปเที่ยวไหนให้พกคนกรุ๊ปนี้เอาไว้
> > >>> > > เพื่อเพิ่มสีสันให้กับกลุ่ม เพราะบีถือคติสนุกไว้ก่อน
> > >>> > > อ้อ แต่บีเห็นตลกแบบนี้ จะเป็นคนมีเหตุผลกับเรื่องคอขาดบาดตายสูงมาก
> > >>> > > ตัดสินใจได้ดีทีเดียว ยิ่งเรื่องที่ตัวเองไม่ชอบขอมีส่วนด้วย
> > >> อาจจะยุคนอื่น
> > >>> > > ให้เลิกคบกันไปเลย
> > >>> > > บีเป็นคนที่ประจบประแจงได้เนียน ถ้าโอจะทำจะกระดากตัวเอง
> > >>> > > ถ้าเอทำจะรู้สึกเสียศักดิ์ศรี แต่บี> จะไม่มีทิฐิถ้าอยากทำก็จะทำ
> > >>> > > ไม่ได้ทำให้ทุกคนด้วยมีไรมั้ย เรื่องของฉั้นเชิ้บๆ
> > >>>
> > >>> Group 'A'
> > >>> > > คนกรุ๊ปนี้ ทางยุโรปบอกว่าเป็นกลุ่มคนที่หน้าตาดีที่สุด
> > >> ผมเองคิดว่าไม่จริง
> > >>> > > 555+ กรุ๊ป เอ เป็นพวกมีความมั่นใจในตัวเองสูง
> > >>> > > เป็นคนที่เป็นนักคิดนักวางแผน
> > >>> > > เราจะเห็นคนเรียนดีจากเลือดกรุ๊ปนี้เยอะมาก
> > >>> > > เพราะความขยันและการเตรียมตัวที่ดีของเขา เอ
> > >>> > > ชอบอยู่ในกลุ่มคนและได้ออกความเห็นตลอด ชอบวิจารณ์คนอื่น
> > >>> > > แต่รับคำวิจารณ์ที่คนอื่นวิจารณ์ตนเองไม่ได้เท่าไหร่ เอ
> > >>> > > เป็นคนที่สนิทยากถึงจะสนิทแต่ก็จะมีกำแพงกั้นไว้เสมอ
> > >>> > > เอจะแบ่งเวลาให้กับทุกคนสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น
> > >>> > > ครอบครัว เพื่อน คนรัก คนทำงาน กรุ๊ปเอเวลานัดกันจะไปคนแรกเสมอ
> > >>> > >
> > >>
> ตรงต่อเวลาและมีสัมมาคารวะแต่ในใจก็จะมีความคิดที่ตัดสินคนแต่ละคนเอาไว้ในหัวแล
> > >> ้ว
> > >>> > > เป็นกลุ่มคนที่มีเหตุผลสูงสุด เราแทบจะเถียงไม่ชนะกรุ๊ปนี้เลย
> > >>> > > แต่เวลากรุ๊ปเอทำอะไรออกมากลับเป็นอะไรที่ Emotion
> > >>> > > มากขัดกับคาแรคเตอร์ที่ตัวเองเก็บไว้
> > >>> > > ผมคิดว่าเพราะความเก็บกดที่ต้อง อยู่ในกรอบตลอดเวลา กรุ๊ปเอเป็นพวก
> > >>> > > Work
> > >>> > > hard play hard เรียนถึงเกียรตินิยมแต่เล่นแรงแบบลืมวันคืน
> > >>> > > กรุ๊ปเอ กับเพื่อน ยิ่งกลุ่มใหญ่ เอจะยิ่งเป็นลิ่วล้อ
> แต่พอกลุ่มเล็กลง
> > >>> > > เอจะเทพขึ้นมาเรื่อยๆ ! ถ้าเป็นคนรัก เอจะเอาตัวเองเป็นเหมือนตราชั่ง
> > >>> > > คือเสมอภาค ไม่ว่าแฟนจะรุ่นใหญ่กว่า
> > >>> > > เอจะเอาตัวเองไปเทียบให้เท่ากัน
> > >>> > > แต่ถ้าแฟนรุ่นเล็กกว่าก็จะเอาตัวเองลงไปคลุกกับโลกของคนนั้นซะงั้น เอ
> > >>> > > ชอบคิดว่า อันนี้มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย และประสาทเสีย
> > >>> > > กับอะไรที่ผิดแผน นอยอยู่คนเดียวเสมอ เอ ไม่ถูกกับโออย่างรุนแรง
> > >>> > > ด้วยความเป็นคนในกรอบแล้วไปเจอคนนอกรีต จะรู้สึกหงุดหงิด
> > >>> > > อะไรว่ะ!!!นัดกันเที่ยงมาสามโมง
> > >>> > > แต่บางครั้ง เอ ก็จะคิดเข้าข้างตัวเองเสมอเวลาตัวเองทำผิดบ้าง และ
> > >>> > > ยิ้มอยู่คนเดียวเวลาที่ตัวเองรู้สึกเหนือกว่า อะไรที่ เอ ทำหน่ะ
> > >>> > > ดีดลูกคิดรางแก้วไว้หมดแล้วหล่ะ
> > >>>
> > >>> Group 'AB'
> > >>> > > เอบี เป็นอัจฉะริยะ เราจะเห็นเวลาที่ เอบีพูดน้อยกว่าคิด
> > >>> > > เอบีชอบหลบอยู๋ในมุมจ้องมองคนอื่นๆทำอะไรต่างๆ แล้วก็คิดไปเรื่อย
> > >>> > > ถ้าเป็นฉันจะทำยังไงตรงนี้ จะมีอะไรที่ดีกว่าไหม
> > >>> > > เอบี เป็นพวกชอบคิดนอกกรอบ เป็นเทพเจ้า
> > >>> > > แต่ในขณะเดียวกันอาจเป็นไอ้บ้าของใครบางคนได้ เพราะ
> > >>> > > เอบีจะทำอะไรนอกกรอบและแนวทดลองเสมอ ผมมีเพื่อนที่เป็นเอบีน้อยมาก
> > >>> > > พอเอาสัดส่วนมากเทียบไม่น่าจะถึง 5เปอร์เซ็นต์ เอบีมีวิธีเอนเทอเทน
> > >>> > > ให้ตัวเองมีความสุขแปลกๆ ในมุมของตัวเอง เช่น
> > >>> > > การนั่งกดรีโมทแอร์ตอนไม่มีถ่านแล้วสนุก หรือมองมดเดิน
> > >>> > > แล้วลองตั้งชื่อมด จำว่าตอนมันเดินกลับมาเราจะจำชื่อมันได้ไหม
> > >>> > > เอบีมักสร้างสิ่งแตกต่างในสังคมเสมอ ทำให้เกิดอารยะธรรม
> > >>> > > วัฒนธรรมใหม่ๆได้
> > >>> > > เวลานั่งในกลุ่มใหญ่จะมีแค่สองสถานการณ์
> > >>> > > ของคนในกรุ๊ปนี้คือ โดนสปอตไลท์ หรือหลบในมุมมืด เราจะไม่เห็น
> > >>> > > เอบีเฮฮาแบบเนียนๆไปกับกลุ่มเพื่อนฝูงตลอด 3 ชม.
> > >>> > > ไอ้คนที่ทำแบบนั้นได้คือกรุ๊ปบี 5555+
> > >>> > > เอบีจะมีโลกส่วนตัวสูง เราเอาแนวคิดที่เรามี กฏเกณฑ์ที่เรามีไปตัดสิน
> > >>> > > เอบีไม่ได้ นิสัยของเอบีหลักๆคือลึกลับ ถ้าเอบีเค้าจะสนุกกับคนอื่นๆ
> > >>> > > อย่างเดียวคือกา! รได้แกล้งคนอื่น หรือ
> > >>> > > ดูคนอื่นทำอะไรที่ตนเองวางแผนเอาไว้
> แล้วหัวเราะอยู่ในมุมเล้กๆของเค้า
> > >>> > > :)
> > >>>
> > >>>
> ถ้าเกิดการทะเลาะกันหล่ะ
> > >>> > > แน่นอนคู่แรกจะเป็น A กับ O เพราะอย่างที่บอกคนในกรอบเจอคนนอกรีต A
> > >>> > > ไม่ชอบความรู้สึกผิดเอง จะหาคนผิดในกรณีนั้นทันที
> > >>> > > แล้วBเองจะเข้ามาเหมือนจะมาไกล่เกลี่ย
> > >>> > > แต่จริงๆจะเอามุขที่เตรียมไว้อย่างเหมาะสม
> > >>> > > ใส่ลงมากลางวงเพื่อความเมามันของตัวเอง
> > >>> > > ซึ่ง A จะใส่ยับด้วยเหตุผลแต่ O เองก็จะเถียงแพ้ด้วยเหตุผลทางสังคม
> > >>> > > แต่ด้วยว่า B ติดหนี้ทางความรู้สึกกับ O จะเข้ามาช่วยดันเอาไว้
> > >>> > > เพราะ B ไม่ชอบให้ใครโดนด่าอยู่ฝ่ายเดียว O
> > >>> > > ด้วยกันจะเข้าใจแต่ไม่อยากโดนร่างแหไปด้วย
> > >>> > > ถ้าจัดลูกโซ่จะเป็น
> > >>> > > A > ชนะ > O > ชนะ > B > ชนะ > A
> > >>> > > แล้ว AB หายไปไหนหล่ะ AB
> > >>> > > ก้ยืนมองยักไหล่ว่าการทะเลาะกันของพวกนี้ไร้สาระสิ้นดี
> > >>> > >
> > >>> > > ถ้าฝนตกหล่ะจะทำยังไง
> > >>> > > O จะรอจนฝนหยุดตกจะเปียกทำไมหล่ะ ค่อยไปก็ได้คนอื่นน่าจะเข้าใจนะ
> > >>> > > ว่าเด๋วเปียกไม่สบายอีกน่ะ
> > >>> > > B ดูก่อนว่าโอเอาไง หรือว่าตัวเองรีบไหมเชคอารมณ์ก่อน
> > >>> > > A รีบออกไปเลยแม้จะไม่รีบมากขนาดนั้นก็เถอะ
> ถ้าให้ยืนเฉยๆกูจะเบื่อตาย
> > >>> > > AB ดูทุกคนก่อนถ้า A ออกไปแล้วเปียกหรือน้ำท่วมมันสูงจนรองเท้าเปียก
> > >>> > > ก็ยืนรอจังหวะ ซากว่านี้ แต่คงไม่อยากอยู่จนคนสุดท้าย
> > >>>
> > >>> ความรักของคนเหล่านี้หล่ะ
> > >>> > > O จะฝันอยากได้คนในเสปค
> แต่กลับอยู่กับคนที่ชิลแล้วอยู่ด้วยกันได้จริงๆ
> > >>> > > และค่อนข้างให้คนรักเอาอกเอาใจ ส่วนมากจะได้ Bเป็นแฟน
> > >>> > > ถ้าได้ O ด้วยกันเป็นแฟนจะพูดกันน้อย และ O
> > >>> > > จะพาแฟนไปรู้จักกับเพื่อนด้วย
> > >>> > > เพราะ O ชอบให้เพื่อนอยู> ่ปนกะแฟนO ชอบสังคมแบบ Multi
> > >>> > > เวลามีปัญหากับคนรักที่กรุ๊ปโอง้อรัวรัว พวกนี้แพ้คนที่มาถึงที่
> > >> เอาใจถึงใจ
> > >>> > >
> > >>> > > B จะไปหาคนที่ชอบเท่านั้น B ชอบออกตัวจีบก่อนด้วยแต่ในทางกลับกัน
> > >>> > > จะมีชีวิตแบบในหนังน้ำเน่าได้
> > >>> > > เช่นแรกๆไม่ชอบคนนี้แต่ถ้ามาจีบๆก้จะยอมด้วยความใจอ่อน
> > >>> > > แบบพ่อแง่แม่งอนทะเลาะกันน่ารัก งอนๆแล้วล้มไปจุ๊บกันได้เชิ้บๆ
> > >>> > > B ชอบติดแฟนอยู่เป็นช่วงๆ บางทีก็จะหายไปกับแฟนเลย
> > >>> > > แต่ก็จะโผล่มาหาเพื่อนฝูงบ้างเป็นช่วงๆสลับกันไปตามสถานการณ์
> ความสำคัญ
> > >>> > > B ชอบใช้เวลาอยู่กับคนรักแบบติดเอาชีวิตไปมอบให้เลยแต่แค่พักเดียวนะ
> > >>> > > มีวิธีการง้อคนรักแบบ B คือการใช้ความสัมพันธ์ความผูกพัน
> > >>> > > ความหลังวิธีนีได้ผลยิ่งนัก
> > >>> > > B เป็นพวกรักแบบบ้ายุ ยุขึ้นะเนี่ย !
> > >>> > >
> > >>> > > A ใช้เวลาดูคนรักพอสมควร A สารตะวางแผนแล้วว่าคนนี้ บ้านอยู่ไหน
> > >>> > > เรียนอะไรทำงานที่ไหน มีโอกาสจะได้มีชีวิตด้วยกันสูงไหม
> > >>> > > สืบมาเป็นอย่างดี
> > >>> > > A จะใส่ใจคนรักมากชอบทำเซอร์ไพรส์ คิดจุกๆจิกๆทำนี่ ทำนั่นให้
> > >> แต่กลับกันA
> > >>> > > มักเวลาเกิดปัญหากับคนรักจะรุนแรง ยืดเยื้อเรื้อรัง
> > >>> > > เพราะต้องการเอาชนะด้วยตัวเองถูกเสมอ ถ้าเราจะง้อคนรักแบบ A
> > >> ต้องยอมรับผิด
> > >>> > > แล้วให้เค้ารู้สึกเหนือกว่า A
> > >>> > >
> จะเลิกกับคนรักเพื่อไปคบคนใหม่ต่อไปต่อเมื่อมีคนที่ดีกว่าเข้ามาเท่านั้น
> > >>> > > A ชอบจัดเตรียมวางแผนให้คนรักช่วยเหลือด้านหน้าที่การงาน
> > >>> > > การบ้านให้เสมอ
> > >>> > > ประมาณว่าคนของฉันต้องเริ่ดเสมอเด๋วคนอื่นมองไม่ดี
> > >>> > > จริงๆคิอทำอะไรก้แคร์สายตาคนอื่นเสมอมากกว่า
> > >>> > >
> > >>> > > AB มีโลกส่วนตัวของตนเองและคนรักสูง
> > >>> > > ไม่สนใจโลกภายนอกหรือสายตาความคิดคนอื่นมากนัก
> > >>> > > ไม่ชอบพูดถึงเรื่องความรักตัวเอง ถ้าเราเห็นคนจูบกันในรถไฟฟ้า
> > >>> > > กอดกันไม่สนใจโลกในห้างสรรพสินค้า นั่นหล่ะพวก AB
> > >>>
> > >>> การเงินของแต่ละกรุ๊ป
> > >>> > > O ไม่มีแผนการใช้เงินมากเท่าไหร่นัก จริงๆแล้วเป็นพวกเจ้าสัว
> > >>> > > ถ้าโดนยุให้ซื้อของเจอคนรอบข้างบิ้วก็หมดตัว
> > >>> > > ใช้เงินเกินตัวและแพงไม่ว่าขอให้ชอบ
> > >>> > > B
> > >> กลัวโดนด่าเวลาซื้อของชอบซื้อของแปลกๆให้เหตุผลทางใจสูงไว้ก่อนการใช้งาน
> > >>> > > แปรปรวนได้ง่ายจากคำคนรอบข้าง
> > >>> > > A วางแผนมาเป็นอย่างดี และต้องจำเป็นเท่านั้นถึงจะซื้อ
> > >>> > > นอกจากนี้ยังดูหลายร้าน เตรียมคิดหาส่วนลดให้ได้มากที่สุด
> > >>> > > AB ซื้อของไปในทางเดียวกันหมด จะซ้ำก้ไม่ว่า
> > >> จะเหมือนกันมากแค่ไหนก็ไม่ว่า
> > >>> > > จะมีของซ้ำแนวเดียวกันเยอะมาก
> > >>>
> > >>> การแบ่งงาน
> > >>> > > O งานหยิบย่อย เนื้องานจริงๆ เช่นบริษัทผ้าคือคนฟอกผ้าเลือกสี
> > >>> > > พวกคนส่วนมากในบริษัท
> > >>> > > B งานประชาสัมพันธ์มาเกตติ้ง เอนเทอร์เทน
> > >>> > > A เป็นออแกไนซ์เซอร์ MD ฝ่ายบุคคล หัวหน้าแผลก หัวหน้าห้อง
> > >>> > > AB ประธานบริษัท คนออกเงิน
> > >>>
> > >>> การรับฟัง
> > >>> > > O ฟังคนอื่นมากไป นอยเพราะคำวิจารณ์ สูญเสียความเป็นตัวตน ชอบตามใจ
> > >>> > > B มีทางที่มั่นคงของตัวเอง เป็นคนดื้อด้านพอสมควร ถ้าโดนลุมจะยอมแพ้
> > >>> > > A ดื้อเงียบ แต่เรียนรู้จากประสบการณ์
> > >>> > > AB คาดเดาไม่ได้

 

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

Maintenance of the life of God. การดำรงพระชนม์ชีพอยู่ของพระเจ้า

1.1 Maintenance of the life of God."Who came to the Lord. He must believe that He is alive. He gave a gratuity to all who seek Him "(Hebrew 11:6) content of the lesson will help you to God. Must first be believed. "God lives" we are not concerned with evidence that confirms our faith in the Holy Crown of the living God. To explore the complex structure of the body (cp. Ps.139: 14) and a pronounced in flowers. Deliberation Brown's vast emptiness of the night with the clear. These reflections on life and many others believe that this makes God into something incredible. Believing that God would take more faith to believe that God exists. If the purpose of God is without form and a description of the universe. This is reflected in the lives of those who do not believe in God. When this occurs, it is not surprising that most people believe in different gods. Even in a society that is God given.But there are differences between the belief that a superior power. With the belief that God will give rewards to those who serve him as Hebrew 11:6, the point that we are."He must believe that He is alive.AndHe gave a gratuity to all who seek Him. "Most of the narrative passages of Scripture in the history of Israel's God. Issue that is discussed often is. Belief that God holds the Jews living there were not as faithful to what He has promised. Jews have been told by Moses, the great leader of his people. "We know it today. And deliberation in mind. The LORD is a God in heaven above. And on the earth below can have any other gods before me. So you keep the rules. Act of God "(Deuteronomy 4:39, 40).It is said that the same issues. We recognize that the Spirit of God is the life. Does not mean that we have been welcomed by Lord automatically. If we seriously believe that we have a Creator, we should "keep the rules. Act of God "This lesson is intended to explain the law. And how to comply with the law. When you read the Bible. The more we can believe that. God is life."If that happens, it's because the hearing. And hearing occur because the announcement of Christ "(Romans 10: 17).As in the book of Isaiah 43:9-12 makes clear that the understanding of the prophecies of God. Let us know. "I am the Lord" (Isaiah 43:13) that the name of God. "We are who we are" is a perfect (Exodus 3:14) The apostle Paul came to town named Berea (Berea), currently in Greece to the north. Normally, Paul would preach the gospel ('good news') of God, but the people in the city will bow to the teachings of Paul. "He's adherence to the Word of God. And searched the Scriptures daily. I know them to be true or not. Therefore, they have many more "(Acts 17:11,12) faith they were born of an open mind. And search the Scriptures with the system. ('Them') and regular ('every day') and is therefore not the result of faith in God instantly I believe that with joint replacement surgery. Without any relation to the word of God. Otherwise would not participate in the formation of the Billy Graham campaign. Or assembly in the open season in Costa Resort as the "faith" search the Scriptures, how long will it take in this case? The lack of a true believer in the Bible is empty, which is caused by the "Christianity" will be found after the turn to faith in God. And the reason is that many people turn away from the teachings of Christianity (Evangelical Movement).This lesson aims to determine the appropriate form in the Bible in a systematic search. So you may believe the same. So in the gospel are so often focused on. The relationship between listening to the gospel. With the real faith.I had to pay him for the pure truth.- "Many of the Corinthians hearing Paul go on. I trust and get baptized "(Acts 18:8).- We "hear the gospel and believe" (Acts 15:7).- "We have announced that they will. And you can believe it "(1 Corinthians 15:11).- The advantage is that this "seed" includes the word of God (Luke 8:11); Have faith as a grain seed (Luke 17:6), Jesus of acceptance. "The cause of faith" (Romans 10:8), "were the words of faith. And with the great principle that you can keep it "(1 Timothy 4:6), the mind is open to belief in God and the Word of God (Galatians 2:2 cp. Hebrews 4:. 2).- The apostle John referred to it from God. "He spoke the truth. So that you may believe "(John 19:35) and His Word is the" truth "(John 17:17) - which we believe.