Nero ( ละติน : Nero Caesar Augustus Claudius Germanicus; [1] 15 ธันวาคม 37-9 June 68), [2] ถูกจักรพรรดิโรมัน 54-68 และสุดท้ายใน ราชวงศ์ Julio - Claudian . Nero ถูกนำโดยดี - ลุงของเขา คาร์ดินัลที่จะกลายเป็นทายาทและผู้สืบทอดของเขาและประสบความสำเร็จในการครองราชย์ใน 54 ต่อไปนี้การตาย Claudius' ในช่วงรัชสมัยของเขา Nero เน้นมากของความสนใจของเขาเกี่ยวกับการทูตการค้าและการเสริมสร้างชีวิตทางวัฒนธรรมของจักรวรรดิ เขาสั่งโรงละครที่สร้างขึ้นและส่งเสริมให้เกมกีฬา ในช่วงรัชสมัยของเขาที่มีชื่อเสียงทั่วไป Corbulo ดำเนินการ สงครามที่ประสบความสำเร็จ และการเจรจาสันติภาพกับ คู่ปรับเอ็มไพร์ . ทั่วไปของเขา Suetonius Paulinus บด กบฏในสหราชอาณาจักร และยังยึด ราชอาณาจักร Bosporanที่เอ็มไพร์ที่จุดเริ่มต้นของ สงครามโรมันชาวยิวคนแรก .
ใน 64 ส่วนใหญ่ของกรุงโรมถูกทำลายใน ไฟที่ดีที่สุดของกรุงโรม ซึ่งหลายโรมเชื่อว่า Nero ตัวเองได้เริ่มต้นเพื่อให้ชัดเจนที่ดินเพื่อที่ซับซ้อนหรูหราของเขาวางแผนที่ Domus Aurea . ใน 68, กบฏของ Vindex ในกอล และภายหลังการโห่ร้องของ Galba ใน Hispania ขับรถ Nero จากราชบัลลังก์ หันหน้าไปลอบสังหารเขาฆ่าตัวตายวันที่ 9 มิถุนายน 68 [3] การตายของเขาสิ้นสุดวันที่ ราชวงศ์ Julio - Claudian , sparking เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ของสงครามกลางเมืองที่รู้จักกันเป็น ปีที่สี่จักรพรรดิ . กฎของ Nero มักจะเกี่ยวข้องกับการปกครองแบบเผด็จการและความสิ้นเปลือง [4] เขาเป็นที่รู้จักสำหรับการประหารชีวิตจำนวนมากรวมทั้งของแม่ของเขา [5] และน่าจะเป็นฆาตกรรมด้วยยาพิษของน้องเลี้ยง, Britannicus ของเขา
เขาเป็นที่รู้จัก infamously เป็นจักรพรรดิที่"fiddled ในขณะที่โรมเผา"แม้ว่านี้จะถือว่าตอนนี้เป็นข่าวลือที่ไม่ถูกต้อง [6] และเป็นผู้ประหัตประหารเริ่มต้นของการ ที่คริสเตียน . เขาเป็นที่รู้จักสำหรับการมีคริสเตียนที่ถูกจับเผาไหม้ในสวนของเขาในเวลากลางคืนสำหรับแหล่งที่มาของแสง มุมมองนี้จะขึ้นอยู่กับงานเขียนของ ทาสิทัส , Suetonius และ Cassius Dio , แหล่งที่มาหลักของการมีชีวิตรอดในรัชสมัยของ Nero แหล่งที่มาที่รอดตายไม่กี่สี Nero ในที่มีแสงที่ดี [7] แหล่งที่มาบางส่วน แต่รวมถึงบางส่วนดังกล่าวข้างต้นวาดภาพว่าเขาเป็นจักรพรรดิที่เป็นที่นิยมกับคนโรมันที่ใช้กันทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคตะวันออก [8] การศึกษาของ Nero คือ ที่มีปัญหาเป็นบางส่วนประวัติศาสตร์สมัยใหม่คำถามความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มาในสมัยโบราณเมื่อการรายงานเกี่ยวกับการกระทำของเผด็จการ Nero [9]
ครอบครัว
ดูเพิ่มเติมที่ : โรมันต้นไม้ครอบครัวจักรพรรดิ
Lucius Domitius Ahenobarbus ในอนาคต Nero, เกิดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 37 ใน Antium , ใกล้โรม[10] [11] เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของ Gnaeus Domitius Ahenobarbus และ Agrippina น้อง สาวของจักรพรรดิ Caligula .
ของ Nero Gnaeus พ่อเป็นบุตรชายของ Lucius Domitius Ahenobarbus (16 กงสุล BC) และ Antonia ใหญ่ . Gnaeus จึงหลานชายของ Gnaeus Domitius Ahenobarbus (กงสุล 32 BC) และอาจ Aemilia Lepida ในด้านพ่อของเขาและหลานชายของ มาร์คแอนโทนี และ Octavia ไมเนอร์ ในด้านแม่ของเขา ดังนั้น Nero ได้เป็นยายของเขาบิดา Antonia Maior และยังอ้างว่าสืบเชื้อสายจากระยะไกลมากขึ้นจากAntonia ไมเนอร์ เป็นหลานเหลน - ภายหลังหลังจากที่เขานำมาใช้คาร์ดินัล ผ่าน Octavia, Nero คือเหลนชายของ Caesar Augustus พ่อของ Nero ของเขาถูกว่าจ้างให้เป็น ผู้พิพากษาสมัยโรมัน และเป็นสมาชิกของพนักงาน Caligula ได้เมื่อหลังเดินทางไปยังทิศตะวันออก (บางคนดูเหมือนคิด Suetonius หมายถึงลูกชาย Gaius Augustus'นำ Caesar ที่นี่ แต่นี้ไม่น่าจะ) [12] พ่อของ Nero ก็คือ อธิบายโดย Suetonius เป็นฆาตกรและโกงที่ถูกเรียกเก็บโดยจักรพรรดิ Tiberius กับการกบฏ, ล่วงประเวณีและ incest [12]Tiberius ตายให้เขาหนีออกค่าใช้จ่ายเหล่านี้ [12] พ่อของ Nero เสียชีวิตจาก อาการบวมน้ำ ("ท้องมาน") ใน 39 เมื่อ Nero คือสอง [12]
แม่คือ Nero Agrippina น้องซึ่งเป็นหลานสาวที่ดีของ Caesar Augustus และภรรยาของเขา Scriboniaลูกสาวของพวกเขาผ่าน Julia ผู้สูงอายุ และสามีของเธอ Marcus Agrippa Vipsanius . พ่อ Agrippina ของ Germanicus ถูกหลานชายของภรรยาของ Augustus, Livia , ในด้านหนึ่งและไป ทำเครื่องหมายว่าแอนโทนี และ Octavia ในที่อื่น ๆ Germanicus'แม่ Antonia ไมเนอร์ คือลูกสาวของ Octavia ไมเนอร์และมาร์คแอนโทนี Octavia คือพี่สาว Augustus' Germanicus ยังเป็นบุตรชายคนที่นำมาจาก Tiberius . Agrippina วางยาพิษสามีของเธอที่สอง Passienus Crispus, จำนวนมากดังนั้นประวัติศาสตร์โบราณยังกล่าวโทษของเธอในการฆาตกรรมสามีของเธอที่สาม, จักรพรรดิ Claudius [13]
[ แก้ไข ]ก่อให้เกิดพลังงาน
Nero ไม่ได้คาดว่าจะเป็นจักรพรรดิเพราะลุงของมารดาของเขา Caligula , ได้เริ่มสมัยของเขาที่อายุ 25 ที่มีเวลาพอที่จะผลิตทายาทของเขาเอง แม่ Nero ของ Agrippina สูญหายโปรดปรานกับ Caligula และถูกเนรเทศใน 39 หลังจากการตายของสามีของเธอ [14] Caligula ยึดมรดก Nero และส่งเขาไปถูกยกขึ้นโดยป้ารวยของเขาน้อยกว่า Domitia Lepida ที่ถูกแม่ของ Valeria Messalina , Claudius ของ ภรรยาที่สาม [11]
Caligula ภรรยาของเขา Caesonia และทารกลูกสาวของพวกเขา Julia Drusilla ถูกฆ่าตายเมื่อ 24 มกราคม 41 [15] เหตุการณ์เหล่านี้นำไปสู่ Claudius , ลุง Caligula ของที่จะกลายเป็นจักรพรรดิ [16] คาร์ดินัลอนุญาต Agrippina กลับจากการลี้ภัย [11]
คาร์ดินัลได้แต่งงานสองครั้งก่อนแต่งงาน Valeria Messalina . [17] การแต่งงานก่อนหน้าของเขาที่ผลิตลูกสามคนรวมทั้งลูกชาย Drusus ผู้ที่เสียชีวิตในวัยหนุ่มสาว [18] เขามีเด็กสองคนที่มี Messalina --Claudia Octavia (บี 40) และ Britannicus (บี 41) [18] Messalina ถูกดำเนินการโดยคาร์ดินัลในปี 48[17] ใน 49, Claudius แต่งงานครั้งที่สี่กับแม่ของ Nero Agrippina [18] เพื่อช่วยให้ Claudius ทางการเมืองเล็ก Nero ถูกนำมาใช้ใน 50 และเอาชื่อ Nero Claudius Caesar Drusus Germanicus (ดูการนำไปใช้ในกรุงโรม ) [19] Nero คือที่เก่ากว่า Britannicus น้องเลี้ยงของเขาและทำให้กลายเป็นทายาทราชบัลลังก์ [20]
Nero ได้รับการประกาศผู้ใหญ่ใน 51 ที่อายุ 14 [21] เขาได้รับแต่งตั้ง รองกงสุล ป้อนและเป็นครั้งแรกที่วุฒิสภา ทำลักษณะสาธารณะร่วมกับคาร์ดินัลและเป็นจุดเด่นในการสร้าง [21] ใน 53 เขาแต่งงานของเขา น้องเลี้ยง Octavia Claudia . [22]
[ แก้ไข ]จักรพรรดิ
[ แก้ไข ]กฎก่อน
คาร์ดินัล เสียชีวิตในปี 54 และ Nero, สละชื่อ Nero Caesar Augustus Claudius Germanicus ได้ก่อตั้งขึ้นเป็นจักรพรรดิ แม้ว่าบัญชีที่แตกต่างกันไปหลายรัฐประวัติศาสตร์โบราณ Agrippina วางยาพิษคาร์ดินัล [13] ตาม Pliny ผู้สูงอายุ เธอใช้เห็ดพิษ [23] มันไม่เป็นที่รู้จักเท่าใด Nero หรือถ้ารู้ว่าเขามีส่วนร่วมแม้ในการตายของคาร์ดินัล [ 24]
- Suetonius เขียนว่า"... สำหรับแม้ว่าเขาไม่ได้ผู้กระตุ้นของการตายของจักรพรรดิของเขาเป็นเวลาอย่างน้อยองคมนตรีไปในขณะที่เขาเข้ารับการรักษาอย่างเปิดเผย; สำหรับเขาใช้ในภายหลังเพื่อสรรเสริญเห็ด, ยานพาหนะในการที่สารพิษที่ถูกผู้ที่คาร์ดินัล , เป็น"อาหารของพระเจ้า"เป็นสุภาษิตภาษากรีกที่มีมันในอัตราใดหลังจากการตายของคาร์ดินัลของเขาระบายอากาศบนเขาชนิดของการดูถูกทุกคนในการกระทำและคำชาร์จเขาตอนนี้กับความโง่เขลาและตอนนี้กับความโหดร้าย. สำหรับมัน เป็นเรื่องตลกที่ชื่นชอบของเขาที่จะบอกว่าคาร์ดินัลได้หยุด"คนโง่ที่จะเล่นในหมู่ปุถุชน, ยาวพยางค์แรกของคำ morari และเขาทิ้งจำนวนมากของเขาพระราชกฤษฎีกาและทำหน้าที่เป็นงานของคนบ้าและคนแก่ขี้หลงขี้ลืม สุดท้ายเขาละเลยที่จะปิดล้อมสถานที่ที่ร่างกายของเขาถูกเผาไหม้ยกเว้นกับผนังในระดับต่ำและความหมายที่." [25]
กลายเป็นจักรพรรดิ Nero ที่ 17 เมื่อข่าวการตายของคาร์ดินัล'ได้ถูกทำให้เป็นที่รู้จักกัน [26] [27] จักรพรรดิที่อายุน้อยที่สุดจนกว่าจะถึงเวลาที่ [28]ประวัติศาสตร์โบราณสมัยรัชกาลที่อธิบายต้น Nero ในฐานะเป็นอิทธิพลอย่างมากโดยแม่ของเขา Agrippina , ครูสอนพิเศษของเขา Lucius Annaeus Seneca, Praetorian และนายอำเภอ Sextus Afranius Burrus โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีแรก [29] อาจารย์ผู้สอนที่อื่น ๆ ได้กล่าวถึงมักจะน้อยเช่น Alexander ของ Aegae . [30]
มากในช่วงต้นของกฎ Nero ของปัญหาที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันอิทธิพลระหว่าง Agrippina และ Nero สองที่ปรึกษาหลัก, เซนิกาและ Burrus
ใน 54, Agrippina พยายามที่จะนั่งลงที่อยู่ถัด Nero ในขณะที่เขาได้พบกับทูตอาร์เมเนีย แต่ Seneca หยุดของเธอและป้องกันไม่ให้ฉากอื้อฉาว [31] (เช่นมันเป็นไปไม่ได้ตลอดเวลาสำหรับผู้หญิงที่จะอยู่ในห้องเดียวกันเป็นผู้ชาย การทำธุรกิจอย่างเป็นทางการ) เพื่อน Nero ยัง mistrusted Agrippina และบอกให้ระวัง Nero ของแม่ของเขา [32] Nero คือไม่พอใจกับข่าวการแต่งงานของเขาเพื่อ Octavia และเข้าสู่ความสัมพันธ์กับ Claudia ผลิตภัณฑ์ดูแล เป็นทาสในอดีต [33] ใน 55, Agrippina พยายามที่จะแทรกแซงใน ความโปรดปรานของ Octavia และเรียกร้องให้ลูกชายของเธอยกเลิกผลิตภัณฑ์ดูแล Nero ด้วยการสนับสนุนของเซเนกาต่อต้านการแทรกแซงของแม่ของเขาในกิจการส่วนตัวของเขา [34]
ที่มีอิทธิพล Agrippina กว่าลูกชายของเธอตัดขาดเธอมีรายงานว่าเริ่มผลักดันให้ Britannicus, น้องเลี้ยง Nero ของที่จะกลายเป็นจักรพรรดิ [34] เกือบ Britannicus สิบห้าปีทายาท - กำหนดก่อนที่จะมีการนำไปใช้ Nero ของเขายังคงถูกต้องตามกฎหมายเพียงเล็กน้อย แต่ถูกใกล้ ผู้ใหญ่ทางกฎหมาย [34] ตามที่ทาสิทัส, Agrippina หวังว่าด้วยการสนับสนุน, Britannicus เธอถูกบุตรชายเลือดของคาร์ดินัลจะถูกมองว่าเป็นทายาทที่แท้จริงของการครองราชย์โดยรัฐมากกว่า Nero [34] อย่างไรก็ตามเยาวชนที่เสียชีวิต ทันทีและมีพิรุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 55, วันที่มากของเขาก่อนที่จะประกาศเป็นผู้ใหญ่ได้รับการตั้ง [35] Nero อ้างว่า Britannicus เสียชีวิตจากอาการชักมา แต่โบราณประวัติศาสตร์ตาย Britannicus เรียกร้องทั้งหมดที่มาจากพิษของเขา Nero ที่คาดคะเนเขาเกณฑ์บริการของ Locusta ผู้หญิงที่เชี่ยวชาญในการผลิตสารพิษที่ เธอวางแผนที่จะฆ่าผสม Britannicus แต่หลังจากการทดสอบนั้นไม่ประสบความสำเร็จบนทาส, Nero โกรธขู่ว่าจะมีเธอโทษถึงตายถ้าเธอไม่ได้มากับสิ่งที่สามารถใช้งานได้ Locusta แล้ววางแผนการทำครัวใหม่ที่เธอสัญญาว่าจะ"ฆ่า swifter กว่างูพิษ." สัญญาของเธอเป็นจริงหลังจากที่ Britannicus บริโภคที่เลี้ยงอาหารค่ำและยอมจำนนภายในไม่กี่นาที[36] หลังจากการตายของ Britannicus ที่ Agrippina ถูกกล่าวหาว่า slandering Octavia และ Nero สั่งของเธอออกจากถิ่นที่อยู่จักรวรรดิ [37]
[ แก้ไข ]มาตุฆาตและรวมของพลังงาน
เมื่อเวลาผ่านไปกลายเป็น Nero ก้าวหน้ามีประสิทธิภาพมากขึ้นให้พ้นตัวเองจากที่ปรึกษาของเขาและกำจัดคู่แข่งเพื่อราชบัลลังก์ ใน 55, เขาออก Marcus Antonius Pallas , พันธมิตรของ Agrippina จากตำแหน่งของเขาในคลัง [34] Pallas, พร้อมกับ Burrus , ถูกกล่าวหาว่า conspiring กับสมเด็จพระจักรพรรดิที่จะนำ Faustus sulla สู่บัลลังก์ [38] Seneca คือ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์กับ Agrippina และการฉ้อฉล [39] Seneca ประสบความสำเร็จในการมีตัวเอง, Pallas และ Burrus พ้นผิด [39] ตามที่ Cassius Dio ในเวลานี้, เซนิกาและ Burrus ลดบทบาทของตนในการดูแลจากการจัดการระมัดระวังในการดูแลเพียงของ Nero [40]
ใน 58, Nero กลายเป็นที่เกี่ยวข้องกับโรแมนติก Poppaea Sabina ภรรยาของเพื่อนและอนาคตของเขาจักรพรรดิ Otho . [41] รายงานเนื่องจากการแต่งงานที่จะ Poppaea และการหย่าร้างจาก Octavia ไม่ได้ดูเหมือนจะเป็นไปได้ในทางการเมืองกับ Agrippina ชีวิต Nero สั่งการฆาตกรรมของเขา แม่ใน 59 [42] จำนวนของประวัติศาสตร์สมัยใหม่พบนี้ไม่น่าจะเป็นแรงจูงใจที่ Nero ไม่ได้แต่งงาน Poppaea จนถึง 62 [43] นอกจากนี้ตามSuetonius , Poppaea ไม่ได้หย่าร้างกับสามีของเธอจนหลังจากการตายของ Agrippina ทำให้มันไม่น่าที่ Poppaea แต่งงานแล้วจะกด Nero สำหรับการแต่งงาน [44] ประวัติศาสตร์สมัยใหม่บางทฤษฎีที่การดำเนินการของ Nero Agrippina ได้รับแจ้งโดยพล็อตการตั้งค่าของเธอ Rubellius Plautus บนบัลลังก์ [45]ตามที่ Suetonius , Nero พยายามจะฆ่าแม่ของเขาผ่าน การวางแผนเรืออับปางที่เอาชีวิตของเพื่อนของเธอ Acerronia Polla แต่เมื่อ Agrippina รอดเขาของเธอดำเนินการและกรอบมันเป็นฆ่าตัวตาย [46] เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะถูกบันทึกโดยทาสิทัส [47]
ใน 62 ที่ปรึกษาของ Nero, Burrus เสียชีวิต [48] นอกจากนี้ Seneca ต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายอีกครั้งการฉ้อฉล [49] ถาม Seneca Nero สำหรับการอนุญาตให้ออกจากกิจการสาธารณะ [50] Nero หย่าและระงับ Octavia บนพื้นฐานของภาวะมีบุตรยาก, ออกจากเขาไปแต่งงาน Poppaea ตั้งครรภ์[51] หลังจากที่การชุมนุมประท้วงของประชาชน Nero ถูกบังคับเพื่อให้ Octavia กลับจากเนรเทศ[51] แต่เธอก็ถูกประหารชีวิตหลังจากที่เธอกลับมา [52] Nero นอกจากนี้ยังมีรายงานที่จะมีการเตะ Poppaea ไปสู่ความตายใน 65 ก่อนที่เธอจะมีลูกคนที่สองของเขา [53] แต่ประวัติศาสตร์ที่ทันสมัย, noting Suetonius, ทาสิทัสและอคติที่เป็นไปได้ของ Dio Cassius กับ Nero และโอกาสที่พวกเขาไม่ได้มีบัญชีพยานของเหตุการณ์เอกชนที่สมมุติ Poppaea ที่อาจมี เสียชีวิตเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนจากการคลอดก่อนกำหนดหรือคลอดบุตร [54]
ข้อกล่าวหาของกบฏที่ถูกพล็อตกับ Nero และวุฒิสภาปรากฏตัวครั้งแรกใน 62 [55] วุฒิสภาวินิจฉัยว่า Antistius, ผู้พิพากษาสมัยโรมัน, ควรจะต้องถูกประหารสำหรับการพูดที่ไม่ดีของ Nero ในงานปาร์ตี้ ภายหลังมีคำสั่งเนรเทศ Nero ของ Fabricius Veiento ที่ใส่ร้ายวุฒิสภาในหนังสือ [56] ทาสิทัสเขียนว่ารากของสมรู้ร่วมคิดที่นำโดย Gaius Calpurnius Piso เริ่มต้นขึ้นในปีนี้ ที่จะรวมอำนาจการดำเนินการ Nero ผู้คนจำนวนมากใน 62 และ 63 รวมทั้งคู่แข่งของเขา Pallas , Rubellius Plautus และ Faustus sulla . [57] ตามที่ Suetonius, Nero"พบว่าการเลือกปฏิบัติหรือไม่พอเหมาะในการวางไปสู่ความตายผู้ใดเขายินดี"ในช่วงเวลานี้ . [58]
รวม Nero ของอำนาจยังรวมถึง usurping ช้าของผู้มีอำนาจจากวุฒิสภา ใน 54, Nero สัญญาว่าจะให้อำนาจวุฒิสภาที่เทียบเท่ากับผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครองสาธารณรัฐ [59] โดย 65, วุฒิสมาชิกบ่นว่าพวกเขามีอำนาจทางด้านซ้ายและไม่มีการนี้นำไปสู่การ สมรู้ร่วมคิด Pisonian . [60]
[ แก้ไข ]นโยบายในการบริหาร
มากกว่าหลักสูตรของรัชสมัยของเขาที่มักจะทำ Nero คำวินิจฉัยว่ายินดีที่ชั้นล่าง Nero ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นหมกมุ่นกับเป็นที่นิยม [61]
Nero เริ่มรัชสมัยของพระองค์ใน 54 ตามสัญญาอิสระวุฒิสภาเพิ่มเติม [59] ในปีแรกนี้เขาห้ามไม่ให้คนอื่นดูเขาที่เกี่ยวกับจง, ซึ่งเขาได้รับการยกย่องจากวุฒิสภา [62] Nero เป็นที่รู้จักกันสำหรับการใช้จ่าย เวลาของเขาไปที่ซ่องและ taverns ในช่วงเวลานี้ [62]
ใน 55, Nero เริ่มการเกี่ยวกับบทบาทการใช้งานมากขึ้นเป็นผู้ดูแลระบบ เขาเป็น กงสุล ครั้งที่สี่ระหว่าง 55 และ 60 ในช่วงเวลานี้บางประวัติศาสตร์โบราณพูดค่อนข้างดีของ Nero และความคมชัดมันมีกฎในภายหลังของเขา [63]
ภายใต้ Nero, ข้อ จำกัด ที่ถูกใส่จำนวนเงินประกันและค่าปรับ [64] นอกจากนี้ค่าธรรมเนียมสำหรับทนายความถูก จำกัด [65] มีการอภิปรายในวุฒิสภาเกี่ยวกับการประพฤติมิชอบของคลาส freedmen และความต้องการที่แข็งแกร่งได้ทำที่ ควรมีการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการยกเลิก [66] Nero สนับสนุน freedmen และปกครองที่ไม่มีการคุ้มครองสิทธิดังกล่าว [67] วุฒิสภาพยายามผ่านกฎหมายซึ่งในการก่ออาชญากรรมของหนึ่งทาสนำไปใช้กับทาสทั้งหมดภายในครัวเรือน แม้จะมีการจลาจลจากคนที่ได้รับการสนับสนุน Nero วุฒิสภาในวัดของพวกเขาและนำไปใช้ในการจัดระเบียบกองกำลังดำเนินการ 400 ทาสรับผลกระทบตามที่กฎหมายกำหนด แต่เขาคัดค้านมาตรการที่แข็งแกร่งกับ freedmen รับผลกระทบจากกรณีที่ [68] เก็บภาษีหลังจากที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นรุนแรงเกินไปกับคนยากจน, Nero โอนอำนาจไปยังคณะกรรมการการจัดเก็บที่ต่ำกว่า [64] Nero ห้ามผู้พิพากษาหรือผู้แทนร่วมงานแสดงสินค้าจากประชาชน ความบันเทิงสำหรับกลัวว่าสถานที่ถูกใช้เป็นวิธีการแกว่งประชาชน [69] นอกจากนี้มีหลาย impeachments และการลบของเจ้าหน้าที่รัฐจับกุมพร้อมกับการกรรโชกและความเสียหาย [70] เมื่อการร้องเรียนเกิดขึ้นต่อไปที่คนยากจนได้ มีการหักภาษีมากเกินไป Nero พยายามที่จะยกเลิกภาษีทางอ้อมทั้งหมด [71] วุฒิสภามั่นใจเขากระทำนี้จะล้มละลายสาธารณะตั๋วเงินคลัง [71] ในขณะที่การประนีประนอมภาษีตัดมาจาก 4.5% ถึง 2.5% [72] นอกจากนี้ความลับ ระเบียนภาษีของรัฐบาลถูกสั่งให้เป็นที่สาธารณะ [72] ในการลดต้นทุนของการนำเข้าอาหารที่เรือสินค้าที่ถูกประกาศรับการยกเว้นภาษี [72]
ในการเลียนแบบของชาวกรีกที่ Nero สร้างขึ้นจากจำนวนโรงยิมและโรงละคร [73] แสดง gladiatorial มหาศาลถูกจัดขึ้นยัง [74] Nero ยังที่จัดตั้งขึ้น ครบห้าปี Neronia . [73] [74] งานเทศกาลที่รวมเกม, บทกวี, และโรงละคร . ประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่ามีความเชื่อที่ว่าโรงละครนำไปสู่การผิดศีลธรรม [73] อื่น ๆ พิจารณาแล้วเห็นว่าจะมีนักแสดงที่สวมใส่เสื้อผ้าที่เป็นภาษากรีกเก่า fashioned [75] บางสอบถามค่าใช้จ่ายสาธารณะขนาดใหญ่กับความบันเทิง [75]
ใน 64, โรมเผาไหม้ . [76] Nero ตราการบรรเทาทุกข์ของประชาชน [76] เช่นเดียวกับการฟื้นฟูอย่างมีนัยสำคัญ [77] อื่น ๆ จำนวนของโครงการก่อสร้างที่สำคัญที่เกิดขึ้นในรัชสมัยปลายของ Nero Nero มีหนองบึงของ Ostia ที่เต็มไปด้วยเศษหินหรืออิฐจากไฟ เขาสร้างขึ้นมีขนาดใหญ่ Domus Aurea . [78] ใน 67, Nero พยายามที่จะมีการขุดคลองที่ คอคอดคอรินท์ . [79] ประวัติศาสตร์ของรัฐโบราณที่โครงการเหล่านี้และอื่น ๆ exacerbated ท่อระบายน้ำที่อยู่ในงบประมาณของรัฐ [80]
ค่าใช้จ่ายในการสร้างกรุงโรมเป็นใหญ่ต้องใช้เงินคงคลังของรัฐไม่ได้มี Nero devalued สกุลเงินโรมัน เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเอ็มไพร์ เขาลดน้ำหนักของ Denarius จาก 84 ต่อ ปอนด์โรมัน ถึง 96 (3.85 กรัมไป 3.35 กรัม) นอกจากนี้เขายังลดความบริสุทธิ์เงินจาก 99.5% เป็น 93.5% -- น้ำหนักที่ลดลงจากเงิน 3.83 กรัมถึง 3.4 กรัม นอกจากนี้ยังลดลง Nero น้ำหนักของ เชื้อ S. aureus จาก 40 ต่อปอนด์โรมันถึง 45 (8 กรัมถึง 7.2 กรัม) [81]
ระหว่าง 62 และ 67 ตาม Plinius ผู้สูงอายุ และ Seneca, Nero การส่งเสริม การเดินทาง เพื่อค้นพบแหล่งที่มาของ แม่น้ำไนล์ . มันเป็นครั้งแรกของการสำรวจในแถบเส้นศูนย์สูตร แอฟริกา จากยุโรปในประวัติศาสตร์ [82] อย่างไรก็ตามการเร่ง Nero ขึ้นแม่น้ำไนล์ล้มเหลวเนื่องจากพืชน้ำที่มีการอุดตันของแม่น้ำที่ปฏิเสธการเข้าถึงเรือ Nero ไปที่ Sudd จาก Nubia .
นโยบายเศรษฐกิจของ Nero เป็นจุดของการอภิปรายในหมู่นักวิชาการ ตามประวัติศาสตร์โบราณ, Nero ของโครงการก่อสร้างที่ถูกฟุ่มเฟือยมากเกินไปและจำนวนมากของค่าใช้จ่ายภายใต้ Nero ซ้ายอิตาลี"หมดอย่างละเอียดโดยผลงานของเงิน"กับ"จังหวัดเจ๊ง." [83] [84] ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ทราบแม้ว่าที่ ระยะเวลาที่ถูกพรุนด้วยภาวะเงินฝืดและที่มีแนวโน้มว่าการใช้จ่ายของ Nero มาในรูปแบบของโครงการโยธาธิการและองค์กรการกุศลที่มีวัตถุประสงค์เพื่อความสะดวกในปัญหาเศรษฐกิจ [85]
[ แก้ไข ]ไฟที่ดีที่สุดของกรุงโรม
บทความหลัก : ไฟไหม้ที่ดีที่สุดของกรุงโรม
ไฟที่ดีที่สุดของกรุงโรมปะทุขึ้นในคืนวันที่ 18 กรกฎาคมที่ 19 กรกฎาคม 64 ไฟเริ่มต้นที่ปลายทิศตะวันออกเฉียงใต้ของ Circus Maximus ในร้านค้าที่ขายสินค้าไวไฟ [76]
ขอบเขตของการเกิดเพลิงไหม้คือความไม่แน่นอน ตามที่ ทาสิทัส ผู้เป็นเก้าในเวลาของการเกิดเพลิงไหม้นั้นมันแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและเผามานานกว่าห้าวัน [86] มันทำลายสามสิบสี่อำเภอโรมันและความเสียหายอย่างรุนแรงเจ็ด [86]เท่านั้นประวัติศาสตร์อื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ผ่าน และกล่าวถึงระยะเวลาการเกิดไฟไหม้เป็น Pliny ผู้สูงอายุ , ผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ในการส่งผ่าน [87] ประวัติศาสตร์อื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ตลอดระยะเวลา (รวมถึง Josephus , Dio Chrysostom , Plutarch และEpictetus ) ให้พูดถึงมันไม่มี
มันคือความไม่แน่นอนที่หรือสิ่งที่เป็นจริงที่เกิดจากการเกิดไฟไหม้ -- ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุหรือ การลอบวางเพลิง . [76]Suetonius และ Cassius Dio โปรดปราน Nero เป็น arsonist เพื่อให้เขาสามารถสร้างที่ซับซ้อนหรูหรา ทาสิทัสกล่าวว่าคริสเตียนสารภาพกับอาชญากรรม แต่ก็ไม่เป็นที่รู้จักไม่ว่าจะสารภาพเหล่านี้ถูกชักนำโดยการทรมาน [88] อย่างไรก็ตามอุบัติเหตุที่เกิดเพลิงไหม้โดยทั่วไปในกรุงโรมโบราณ [89] ในความเป็นจริง, โรมได้รับความเดือดร้อนอื่นไฟขนาดใหญ่ใน 69 [90 ] และใน 80 [91]
ก็กล่าวโดย Suetonius และ Cassius Dio ที่ Nero ร้องเพลงที่" กระสอบ Ilium "ในเครื่องแต่งกายเวทีในขณะที่เมืองที่ถูกเผา [92] ตำนานการเรียกร้องยอดนิยมที่ Nero เล่น ซอ ที่เวลาของการเกิดเพลิงไหม้ที่ ความคลาดเคลื่อนเรื่องเวลา เพียงตามแนวคิด ของ พิณ เป็นซึงที่เกี่ยวข้องกับ Nero และการแสดงของเขา (มี fiddles ไม่มีใน 1 ศตวรรษที่โรม.) บัญชีของทาสิทัส แต่มี Nero ใน Antium เวลาของไฟ [93] ทาสิทัสยังกล่าวว่าการเล่นพิณ Nero และการร้องเพลงของเขาในขณะที่เมืองที่ถูกเผาข่าวลือเท่านั้น [ 93]
ตามที่ทาสิทัสเมื่อได้ยินข่าวของไฟ Nero กลับไปโรมเพื่อจัดระเบียบความพยายามบรรเทาซึ่งเขาจ่ายเงินสำหรับการจากกองทุนของเขาเอง [93] ผลงานของ Nero เพื่อบรรเทาขยายส่วนบุคคลการมีส่วนร่วมในการค้นหาและช่วยเหลือของ ที่ตกเป็นเหยื่อของเปลวไฟ, วันในการค้นหาเศษโดยไม่ต้องแม้แต่บอดี้การ์ดของเขา. [ อ้างอิงที่จำเป็น ] หลังจากไฟไหม้พระราชวังเปิด Nero ของเขาที่จะให้ที่พักพิงสำหรับที่อยู่อาศัยและจัดขึ้นสำหรับเสบียงอาหารที่จะส่งมอบในเพื่อป้องกันไม่ให้อดอยากในหมู่ผู้รอดชีวิต . [93] ในการปลุกของไฟที่เขาทำแผนพัฒนาเมืองใหม่ หลังจากสามารถดับไฟบ้านที่ถูกเว้นระยะออกที่สร้างขึ้นในอิฐและต้องเผชิญกับ porticos บนถนนที่กว้าง [77] Nero ยังสร้างที่ซับซ้อนพระราชวังใหม่ที่เรียกว่า Aurea Domus ในพื้นที่ล้างโดยการเกิดไฟไหม้ นี้รวมถึงภูมิประเทศที่เขียวชอุ่มและประดิษฐ์เป็นรูปปั้น 30 เมตรของตัวเองที่ ยักษ์ใหญ่ของ Nero . [78] ขนาดของความซับซ้อนนี้เป็นที่ถกเถียง (100 - 300 เอเคอร์) [94] [95] [96] ต้องการค้นหา เงินทุนที่จำเป็นสำหรับการฟื้นฟู tributes ถูกบังคับใช้ในจังหวัดของจักรวรรดิ [97]
ตามที่ทาสิทัส, ประชากรที่ค้นหาบาปและข่าวลือที่จัดขึ้น Nero รับผิดชอบ [88] ที่จะเบนเข็มตำหนิ Nero เป้าหมายคริสเตียน เขาสั่งคริสเตียนที่จะโยนให้สุนัขขณะที่คนถูกตรึงกางเขนและเผา [88]
ทาสิทัสอธิบายเหตุการณ์ :
| " | ดังนั้นเพื่อที่จะกำจัดของรายงาน Nero ยึดความผิดและสร้างความเจ็บปวดทรมานงดงามที่สุดในชั้นเรียนเกลียดชังของพวกเขาสำหรับ abominations เรียกว่าคริสเตียน [หรือ Chrestians [98] ] โดยประชาชน Christus จากผู้ที่มีชื่อที่มาของความเดือดร้อนโทษสุดขีดในสมัยของ Tiberius ที่มือของหนึ่งใน procurators ของเรา Pontius Pilatus และไสยศาสตร์ซนส่วนใหญ่จึงมีการตรวจสอบในขณะนั้นอีกครั้งที่ยากไร้ออกไม่เพียง แต่ใน Judaea ซึ่งเป็นแหล่งแรกของความชั่วร้าย แต่แม้กระทั่งในกรุงโรมซึ่งทุกสิ่งที่น่าเกลียดและน่าอับอายจากส่วนหนึ่งของโลกทุกคนหาศูนย์ของพวกเขาและกลายเป็นที่นิยม ดังนั้นการจับกุมเป็นครั้งแรกของทุกคนที่สารภาพแล้วเมื่อข้อมูลของพวกเขาที่หลากหลายอันยิ่งใหญ่ถูกตัดสินลงโทษไม่มากของอาชญากรรมของการยิงเมืองที่เป็นของความเกลียดชังต่อมนุษยชาติ การเยาะเย้ยของทุกชนิดถูกบันทึกไปสู่การตายของพวกเขา ปกคลุมด้วยผิวหนังของสัตว์พวกเขาถูกฉีกโดยสุนัขและเสียชีวิตหรือถูกตอกไปตัดหรือถูกถึงวาระที่จะเปลวไฟและนำไปเผาเพื่อใช้เป็นไฟส่องสว่างในยามค่ำคืนเมื่อกลางวันได้หมดอายุแล้ว [88] | " |
[ แก้ไข ]การแสดงสาธารณะ
ความสุขในการขับขี่ Nero หนึ่งรถม้าศึกม้าร้องเพลงที่พิณและบทกวี [99] แม้เขาประกอบด้วยเพลงที่ถูกดำเนินการโดยให้ความบันเทิงอื่น ๆ ทั่วจักรวรรดิ [100] ในตอนแรก Nero ทำเฉพาะสำหรับผู้ชมที่เป็นส่วนตัว [101 ]
ใน 64 AD, Nero เริ่มร้องเพลงในที่สาธารณะใน Neapolis เพื่อที่จะปรับปรุงความนิยมของเขา[101] นอกจากนี้เขายังร้องเพลงที่สอง Neronia ครบห้าปี ใน 65 [102] ก็กล่าวว่า Nero craved ความสนใจ [103] ประวัติศาสตร์ แต่ยัง เขียนว่า Nero ได้สนับสนุนให้การร้องเพลงและการดำเนินการในที่สาธารณะโดยวุฒิสภา, วงในของเขาและคนที่ [104] ประวัติศาสตร์โบราณขอวิพากษ์วิจารณ์ทางเลือกของเขาที่จะดำเนินการเรียกมันน่าอับอาย [105]
Nero เชื่อมั่นในการเข้าร่วม การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก จาก 67 ในเพื่อที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์กับกรีซและการแสดงการครอบงำของโรมัน [106] เป็นคู่แข่ง, Nero วิ่งสิบม้าราชรถและเสียชีวิตเกือบหลังจากที่ถูกโยนจากนั้น [107] เขา ดำเนินการยังเป็นนักแสดงและนักร้อง [108] แม้ว่า Nero สะดุดในการแข่งรถ (ในกรณีหนึ่งที่ลดต่ำลงออกทั้งหมดก่อนที่จะสิ้นสุด) ของเขาและการแข่งขันการแสดง, [107] เขาได้รับรางวัลเหล่านี้ยังคงครอบฟันและแห่พวกเขาเมื่อเขากลับไปยังกรุงโรม . [107] ชัยชนะที่จะมีการบันทึก Nero bribing ผู้พิพากษาและสถานะของเขาเป็นจักรพรรดิ [109]
[ แก้ไข ]สงครามและสันติภาพกับเธีย
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อนี้เห็น สงครามโรมันคู่ปรับจาก 58-63 .
ไม่นานหลังจากที่เข้ารับการครองราชย์ใน 55, โรมัน ข้าราชบริพาร ในราชอาณาจักรอาร์เมเนีย โสของพวกเขา ไอบีเรีย เจ้าชาย Rhadamistus และเขาก็ถูกแทนที่ด้วย คู่ปรับ เจ้าชาย Tiridates . [110] นี้ถูกมองว่าเป็นคู่ปรับบุกรุกดินแดนของชาวโรมัน [110] มี ความกังวลในกรุงโรมมากกว่าวิธีการที่จักรพรรดิหนุ่มจะจัดการกับสถานการณ์ [111] Nero ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นโดยทันทีการส่งทหารไปยังพื้นที่ที่อยู่ภายใต้คำสั่งของ Gnaeus Domitius Corbulo . [112] Parthians ชั่วคราวยกเลิกการควบคุมของอาร์เมเนียไปยังกรุงโรม [113]
ความสงบสุขไม่ได้ทำสงครามครั้งสุดท้ายและเต็มรูปแบบยากไร้ใน 58 คู่ปรับกษัตริย์ Vologases ฉัน ปฏิเสธที่จะเอาน้องชายของเขา Tiridates จากอาร์เมเนีย[114] Parthians เริ่มต้นการบุกรุกเต็มรูปแบบของราชอาณาจักรอาร์เมเนีย [41] บัญชาการ Corbulo การตอบสนองและมันไส้มากที่สุดของกองทัพคู่ปรับที่ปีเดียวกัน [115] Tiridates ถอยและโรมอีกครั้งการควบคุมมากที่สุดของอาร์เมเนีย [115]
Nero ได้รับการยอมรับในที่สาธารณะสำหรับชัยชนะครั้งแรกนี้ [116] Tigranes เป็น Cappadocian เกียรติยกขึ้นในกรุงโรมถูกติดตั้งด้วย Nero เป็นเจ้าเมืองใหม่ของอาร์เมเนีย [117] Corbulo ได้รับการแต่งตั้งผู้ว่าราชการของซีเรียเป็นรางวัล [117]
ใน 62, Tigranes บุกจังหวัดคู่ปรับของ Adiabene . [118] อีกครั้ง, โรมและเธียทำสงครามนี้และต่อเนื่องจนถึง 63 เธียเริ่มสร้างขึ้นสำหรับการนัดหยุดงานกับจังหวัดโรมันของซีเรีย [119] Corbulo พยายามโน้มน้าว Nero เพื่อดำเนินการต่อสงคราม แต่ Nero เลือกใช้สำหรับข้อตกลงสันติภาพแทน [120] มีความวิตกกังวลในกรุงโรมเกี่ยวกับภาคตะวันออกของวัสดุเม็ดและ การขาดดุลงบประมาณ [121]
ผลที่ได้จัดการที่ Tiridates อีกครั้งได้กลายมาเป็นพระมหากษัตริย์อาร์เมเนีย แต่ปราบดาภิเษกในกรุงโรมโดยสมเด็จพระจักรพรรดิ Nero [122] ในอนาคตที่ พระมหากษัตริย์ของอาร์เมเนีย จะต้องถูกเจ้าชายคู่ปรับ แต่ได้รับการแต่งตั้งต้องได้รับอนุมัติจากชาวโรมัน Tiridates ถูกบังคับให้มาไปยังกรุงโรมและเข้าร่วมในพิธีที่หมายถึงการแสดงการครอบงำของโรมัน [76] [123]
ข้อตกลงสันติภาพนี้จาก 63 เป็นชัยชนะมากสำหรับ Nero ทางการเมือง [124] Nero เป็นที่นิยมมากในจังหวัดทางตะวันออกของกรุงโรมและด้วย Parthians เช่นกัน [124] สันติภาพระหว่างเธียและกรุงโรมนาน 50 ปีจนจักรพรรดิ Trajan ของกรุงโรม บุกอาร์เมเนียใน 114
[ แก้ไข ]อื่น ๆ ต่อสู้พลังงานที่สำคัญและการก่อกบฏ
สงครามกับเธียไม่ได้รับเพียงอย่างเดียวของสงครามใหญ่ แต่เขาทั้งวิพากษ์วิจารณ์และยกย่องสำหรับความเกลียดชังที่จะต่อสู้ [125] ชอบจักรพรรดิจำนวนมากต้องเผชิญกับ Nero จำนวนของการก่อกบฏและการต่อสู้อำนาจภายในจักรวรรดิ
- Revolt อังกฤษ 60-61 (Boudica ของกบฏ)
ข้อมูลเพิ่มเติม : Boudicca # Boudica.27s_uprising
ใน 60 เป็นกบฏที่สำคัญยากไร้ในจังหวัดของ Britannia . [126] ในขณะที่ผู้ว่าราชการ Gaius Suetonius Paullinus และกองทหารของเขาถูกจับยุ่งเกาะของโมนา ( Anglesey ) จากดรูอิดที่เผ่าของทางตะวันออกเฉียงใต้ staged กบฏที่นำโดย ราชินี Boudica ของ Iceni . [127] Boudica และกองทหารของเธอถูกทำลายสามเมืองก่อนที่กองทัพของ Paullinus อาจกลับมาได้รับการเพิ่มกำลังและปราบปรามการกบฏใน 61 [128] ความกลัวตัวเองจะ Paullinus กระตุ้นกบฏต่อ Nero แทนที่เขาด้วย passive เพิ่มเติม Turpilianus Publius Petronius . [129]
- Conspiracy Pisonian จาก 65
บทความหลัก : สมรู้ร่วมคิด Pisonian
ใน 65, Gaius Calpurnius Piso เป็นรัฐบุรุษโรมันจัดรวมหัวต่อต้าน Nero ด้วยความช่วยเหลือของ Subrius flavus และ Sulpicius Asper, Tribune และ Centurion ของ Praetorian ยาม [130] ตามที่ทาสิทัส, สมรู้ร่วมคิดหลายที่ต้องการ"การกู้ภัย รัฐ"จากจักรพรรดิและเรียกคืน สาธารณรัฐ . [131] ทาสที่เป็นอิสระ Milichus ค้นพบสมรู้ร่วมคิดและการรายงานไปยังเลขานุการของ Nero, Epaphroditos . [132] เป็นผลให้สมรู้ร่วมคิดที่ล้มเหลวและสมาชิกถูกประหารชีวิตรวมทั้ง Lucan , กวี[ 133] หน้าที่ที่ปรึกษาของ Nero, Seneca ถูกสั่งให้ฆ่าตัวตายหลังจากที่ยอมรับว่าเขากล่าวถึงพล็อตที่มีการสมรู้ร่วมคิดที่ [134]
- สงครามชาวยิวคนแรกของ 66-70
ใน 66 มีถูก กบฏชาวยิว ในแคว้นยูเดียที่เกิดจากความตึงเครียดทางศาสนากรีกและชาวยิว [135] ใน 67, Nero ส่ง Vespasian เพื่อเรียกคืนการสั่งซื้อ [136]กบฏนี้ถูกใส่ลงไปในที่สุด 70 หลังจากการตายของ Nero [137] กบฏนี้เป็นที่มีชื่อเสียงสำหรับการละเมิดโรมกำแพงกรุงเยรูซาเล็มและการทำลายที่สอง วัดของกรุงเยรูซาเล็ม . [138]
[ แก้ไข ]กบฏของ Vindex และ Galba และความตายของ Nero
ในเดือนมีนาคม 68, Gaius Julius Vindex ราชการของ Lugdunensis Gallia , กบฎต่อ Nero ของนโยบายภาษี[139] [140] Lucius Verginius Rufus , ราชการของ Germania สุพีเรีย , ถูกสั่งให้ใส่ลง Vindex ของกบฏ [141] ในความพยายามที่ ได้รับการสนับสนุนจากภายนอกจังหวัดของตัวเองเรียกร้องให้ Vindex Servius Sulpicius Galbaราชการของ Tarraconensis Hispania เพื่อเข้าร่วมกบฏและต่อไปการประกาศตัวเองจักรพรรดิในการต่อต้านการ Nero [142] ที่ การต่อสู้ของ Vesontio พฤษภาคม 68, Verginius'กองกำลังพ่ายแพ้อย่างง่ายดายของ Vindex และฆ่าตัวตายหลัง [141] อย่างไรก็ตามหลังจากที่วางลงนี้หนึ่งกบฏ, Verginius'พยุหเสนาพยายามที่จะประกาศผู้บัญชาการของตัวเองเป็นจักรพรรดิ Verginius refused to act against Nero, but the discontent of the legions of Germany and the continued opposition of Galba in Spain did not bode well for Nero.
While Nero had retained some control of the situation, support for Galba increased despite his being officially declared a public enemy. The prefect of the Praetorian Guard , Gaius Nymphidius Sabinus , also abandoned his allegiance to the Emperor and came out in support for Galba.
In response, Nero fled Rome with the intention of going to the port of Ostia and from there to take a fleet to one of the still-loyal eastern provinces. However, he abandoned the idea when some army officers openly refused to obey his commands, responding with a line from Vergil 's Aeneid : "Is it so dreadful a thing then to die?" Nero then toyed with the idea of fleeing to Parthia , throwing himself upon the mercy of Galba, or to appeal to the people and beg them to pardon him for his past offences "and if he could not soften their hearts, to entreat them at least to allow him the prefecture of Egypt". Suetonius reports that the text of this speech was later found in Nero's writing desk, but that he dared not give it from fear of being torn to pieces before he could reach the Forum. [ 143 ]
Nero returned to Rome and spent the evening in the palace. After sleeping, he awoke at about midnight to find the palace guard had left. Dispatching messages to his friends' palace chambers for them to come, he received no answers. Upon going to their chambers personally, he found them all abandoned. When he called for a gladiator or anyone else adept with a sword to kill him, no one appeared. He cried, "Have I neither friend nor foe?" and ran out as if to throw himself into the Tiber .[ 143 ]
ที่กลับมาขอ Nero สำหรับสถานที่ที่เขาสามารถซ่อนและเก็บความคิดของเขาบาง An imperial freedman offered his villa, located 4 miles outside the city. Travelling in disguise, Nero and four loyal servants reached the villa, where Nero ordered them to dig a grave for him. ขณะนี้จัดส่งมาพร้อมกับรายงานที่วุฒิสภาได้ประกาศ Nero เป็นศัตรูของประชาชนและว่ามันเป็นความตั้งใจของพวกเขาในการดำเนินการของเขาโดยตีเขาตาย
At this news, Nero prepared himself for suicide . Losing his nerve, he first begged for one of his companions to set an example by first killing himself. At last, the sound of approaching horsemen drove Nero to face the end. However he still could not bring himself to take his own life but instead he forced his private secretary, Epaphroditos , to perform the task. Nero's famous last words from this moment are "Qualis artifex pereo" or in English "What an artist dies in me!"
When one of the horsemen entered, upon his seeing Nero all but dead he attempted to stop the bleeding in vain. Nero died on 9 June 68. [ 144] This was the anniversary of the death of Octavia. Nero was buried in the Mausoleum of the Domitii Ahenobarbi, in what is now the Villa Borghese ( Pincian Hill ) area of Rome. [ 144 ]
With his death, the Julio-Claudian dynasty ended. Chaos ensued in the Year of the Four Emperors . [ 90 ]
[ แก้ไข ]หลังจากการตายของ
According to Suetonius and Cassius Dio, the people of Rome celebrated the death of Nero. [ 145 ] [ 146 ] Tacitus, though, describes a more complicated political environment. Tacitus mentions that Nero's death was welcomed by Senators, nobility and the upper class. [ 147 ] The lower-class, slaves, frequenters of the arena and the theater, and "those who were supported by the famous excesses of Nero", on the other hand, were upset with the news.[ 147 ] Members of the military were said to have mixed feelings, as they had allegiance to Nero, but were bribed to overthrow him. [ 148 ]
Eastern sources, namely Philostratus II and Apollonius of Tyana , mention that Nero's death was mourned as he "restored the liberties of Hellas with a wisdom and moderation quite alien to his character" [ 149 ] and that he "held our liberties in his hand and respected them." [ 150 ]
Modern scholarship generally holds that, while the Senate and more well-off individuals welcomed Nero's death, the general populace was "loyal to the end and beyond, for Otho and Vitellius both thought it worthwhile to appeal to their nostalgia." [ 151 ]
Nero's name was erased from some monuments, in what Edward Champlin regards as an "outburst of private zeal". [ 152 ] Many portraits of Nero were reworked to represent other figures; according to Eric R. Varner, over fifty such images survive. [ 153 ] This reworking of images is often explained as part of the way in which the memory of disgraced emperors was condemned posthumously (see damnatio memoriae ).[ 153 ] Champlin, however, doubts that the practice is necessarily negative and notes that some continued to create images of Nero long after his death. [ 154 ]
The civil war during the Year of the Four Emperors was described by ancient historians as a troubling period. [ 90 ] According to Tacitus, this instability was rooted in the fact that emperors could no longer rely on the perceived legitimacy of the imperial bloodline, as Nero and those before him could. [ 147 ]Galba began his short reign with the execution of many allies of Nero and possible future enemies. [ 155] One such notable enemy included Nymphidius Sabinus , who claimed to be the son of Emperor Caligula. [ 156 ]
Otho overthrew Galba. Otho was said to be liked by many soldiers because he had been a friend of Nero's and resembled him somewhat in temperament. [ 157 ] It was said that the common Roman hailed Otho as Nero himself. [ 158 ] Otho used "Nero" as a surname and reerected many statues to Nero. [ 158 ]Vitellius overthrew Otho. Vitellius began his reign with a large funeral for Nero complete with songs written by Nero. [ 159 ]
After Nero's suicide in 68, there was a widespread belief, especially in the eastern provinces, that he was not dead and somehow would return. [ 160 ] This belief came to be known as the Nero Redivivus Legend .
The legend of Nero's return lasted for hundreds of years after Nero's death. Augustine of Hippo wrote of the legend as a popular belief in 422. [ 161 ]
At least three Nero imposters emerged leading rebellions. The first, who sang and played the cithara or lyre and whose face was similar to that of the dead emperor, appeared in 69 during the reign of Vitellius. [ 162 ] After persuading some to recognize him, he was captured and executed. [ 162 ] Sometime during the reign of Titus (79–81), another impostor appeared in Asia and sang to the accompaniment of the lyre and looked like Nero but he, too, was killed. [ 163 ] Twenty years after Nero's death, during the reign of Domitian , there was a third pretender. Supported by the Parthians, they hardly could be persuaded to give him up [ 164 ] and the matter almost came to war. [ 90 ]
[ แก้ไข ]ลักษณะทางกายภาพ
In his book "The Lives of the Twelve Caesars", Suetonius describes Nero as "about the average height, his body marked with spots andmalodorous , his hair light blond, his features regular rather than attractive, his eyes blue and somewhat weak, his neck over thick, his belly prominent, and his legs very slender." [ 165 ]
[ แก้ไข ]historiography
The history of Nero's reign is problematic in that no historical sources survived that were contemporary with Nero. These first histories at one time did exist and were described as biased and fantastical, either overly critical or praising of Nero. [ 166 ] The original sources were also said to contradict on a number of events. [ 167 ] Nonetheless, these lost primary sources were the basis of surviving secondary and tertiary histories on Nero written by the next generations of historians. [ 168 ] A few of the contemporary historians are known by name. Fabius Rusticus , Cluvius Rufus and Pliny the Elder all wrote condemning histories on Nero that are now lost. [ 169 ] There were also pro-Nero histories, but it is unknown who wrote them or on what deeds Nero was praised. [ 170 ]
The bulk of what is known of Nero comes from Tacitus , Suetonius and Cassius Dio , who were all of the senatorial class. Tacitus and Suetonius wrote their histories on Nero over fifty years after his death, while Cassius Dio wrote his history over 150 years after Nero's death. These sources contradict on a number of events in Nero's life including the death of Claudius , the death of Agrippina , and the Roman fire of 64, but they are consistent in their condemnation of Nero.
A handful of other sources also add a limited and varying perspective on Nero. Few surviving sources paint Nero in a favorable light. Some sources, though, portray him as a competent emperor who was popular with the Roman people, especially in the east. [ citation needed ]
- Dio Cassius
Cassius Dio ( c. 155–229) was the son of Cassius Apronianus , a Roman senator. He passed the greater part of his life in public service. He was a senator under Commodus and governor of Smyrna after the death of Septimius Severus ; and afterwards suffect consul around 205, as also proconsul in Africa and Pannonia.
Books 61–63 of Dio's Roman History describe the reign of Nero. Only fragments of these books remain and what does remain was abridged and altered by John Xiphilinus , an 11th century monk.
- Chrysostom Dio
Dio Chrysostom ( c. 40–120), a Greek philosopher and historian, wrote the Roman people were very happy with Nero and would have allowed him to rule indefinitely. They longed for his rule once he was gone and embraced imposters when they appeared:
| " | Indeed the truth about this has not come out even yet; for so far as the rest of his subjects were concerned, there was nothing to prevent his continuing to be Emperor for all time, seeing that even now everybody wishes he were still alive. And the great majority do believe that he still is, although in a certain sense he has died not once but often along with those who had been firmly convinced that he was still alive. [ 171 ] | " |
- Epictetus
Epictetus ( c. 55–135) was the slave to Nero's scribe Epaphroditos . He makes a few passing negative comments on Nero's character in his work, but makes no remarks on the nature of his rule. He describes Nero as a spoiled, angry, and unhappy man.
- Josephus
The historian Josephus ( c. 37–100), while calling Nero a tyrant, was also the first to mention bias against Nero. Of other historians, he said:
| " | But I omit any further discourse about these affairs; for there have been a great many who have composed the history of Nero; some of which have departed from the truth of facts out of favor, as having received benefits from him; while others, out of hatred to him, and the great ill-will which they bare him, have so impudently raved against him with their lies, that they justly deserve to be condemned. Nor do I wonder at such as have told lies of Nero, since they have not in their writings preserved the truth of history as to those facts that were earlier than his time, even when the actors could have no way incurred their hatred, since those writers lived a long time after them. [ 172 ] | " |
- Lucan
Though more of a poet than historian, Lucanus ( c. 39–65) has one of the kindest accounts of Nero's rule. He writes of peace and prosperity under Nero in contrast to previous war and strife. Ironically, he was later involved in a conspiracy to overthrow Nero and was executed. [ 173 ]
- Philostratus
Philostratus II "the Athenian" ( c. 172–250) spoke of Nero in the Life of Apollonius Tyana (Books 4–5). Though he has a generally a bad or dim view of Nero, he speaks of others' positive reception of Nero in the East.
- Pliny ผู้สูงอายุ
The history of Nero by Pliny the Elder ( c. 24–79) did not survive. Still, there are several references to Nero in Pliny's Natural Histories . Pliny has one of the worst opinions of Nero and calls him an "enemy of mankind." [ 174 ]
- Plutarch
Plutarch ( c. 46–127) mentions Nero indirectly in his account of the Life of Galba and the Life of Otho. Nero is portrayed as a tyrant, but those that replace him are not described as better.
- น้องเซนิกา
It is not surprising that Seneca ( c. 4 BEC–65), Nero's teacher and advisor, writes very well of Nero. [ 175 ]
- Suetonius
Main article: Lives of the Twelve Caesars
Suetonius ( c. 69–130) was a member of the equestrian order, and he was the head of the department of the imperial correspondence. While in this position, Suetonius started writing biographies of the emperors, accentuating the anecdotal and sensational aspects.
- ทาสิทัส
Main article: Annals (Tacitus)
The Annals by Tacitus ( c. 56–117) is the most detailed and comprehensive history on the rule of Nero, despite being incomplete after the year 66. Tacitus described the rule of the Julio-Claudian emperors as generally unjust. He also thought that existing writing on them was unbalanced:
| " | The histories of Tiberius, Caius, Claudius, and Nero, while they were in power, were falsified through terror, and after their death were written under the irritation of a recent hatred. [ 176 ] | " |
Tacitus was the son of a procurator , who married into the elite family of Agricola. He entered his political life as a senator after Nero's death and, by Tacitus' own admission, owed much to Nero's rivals. Realizing that this bias may be apparent to others, Tacitus protests that his writing is true. [ 177 ]
[ edit ]Nero and religion
[ แก้ไข ]ประเพณีของชาวยิว
At the end of 66, conflict broke out between Greeks and Jews in Jerusalem and Caesarea. According to the Talmud , Nero went to Jerusalem and shot arrows in all four directions. All the arrows landed in the city. He then asked a passing child to repeat the verse he had learned that day. The child responded, "I will lay my vengeance upon Edom by the hand of my people Israel" ( Ez. 25,14 ). Nero became terrified, believing that God wanted the Temple in Jerusalem to be destroyed, but would punish the one to carry it out. Nero said, "He desires to lay waste His House and to lay the blame on me," whereupon he fled and converted to Judaism to avoid such retribution. [ 178 ] Vespasian was then dispatched to put down the rebellion.
The Talmud adds that the sage Reb Meir Baal HaNess , a prominent supporter of the Bar Kokhba rebellion against Roman rule, was a descendant of Nero.
Roman and Greek sources nowhere report Nero's alleged trip to Jerusalem or his alleged conversion to Judaism. [ citation needed ] [ 179 ] There is also no record of Nero having any offspring who survived infancy: his only recorded child, Claudia Augusta , died aged 4 months.
[ edit ]Christian tradition
Christian tradition and secular historical sources hold Nero as the first major state sponsor of Christian persecution , and sometimes as the killer of Apostles Peter and Paul . Some 2nd- and 3rd-century theologians, among others, recorded their belief that Nero would return from death or exile, usually as "the Anti-Christ . He is also seen as one of the most savage persecutors of Christians ."
- ผู้ประหัตประหารแรก
Non-Christian historian Tacitus describes Nero extensively torturing and executing Christians after the fire of 64. [ 88 ] Suetonius also mentions Nero punishing Christians, though he does so as a praise and does not connect it with the fire. [ 180 ]
Christian writer Tertullian ( c. 155–230) was the first to call Nero the first persecutor of Christians. He wrote, "Examine your records. There you will find that Nero was the first that persecuted this doctrine". [ 181 ] Lactantius ( c. 240–320) also said that Nero "first persecuted the servants of God". [ 182 ] as does Sulpicius Severus . [ 183 ] However, Suetonius writes that, "since the Jews constantly made disturbances at the instigation of Chrestus, he [emperor Claudius ] expelled them from Rome" (" Iudaeos impulsore Chresto assidue tumultuantis Roma expulit "). [ 184 ] These expelled "Jews" may have been early Christians, although Suetonius is not explicit. Nor is the Bible explicit, calling Aquila of Pontus and his wife, Priscilla, both expelled from Italy at the time, "Jews." [ 185 ]
- Killer of Peter and Paul
The first text to suggest that Nero killed an apostle is the apocryphal Ascension of Isaiah , a Christian writing from the 2nd century. It says, the slayer of his mother, who himself this king, will persecute the plant which the Twelve Apostles of the Beloved have planted. Of the Twelve one will be delivered into his hands. [ 186 ]
Bishop Eusebius of Caesarea ( c. 275–339) was the first to write that Paul was beheaded in Rome during the reign of Nero. [ 187 ] He states that Nero's persecution led to Peter and Paul's deaths, but that Nero did not give any specific orders. Several other accounts have Paul surviving his two years in Rome and traveling to Hispania . [ 188 ]
Peter is first said to have been crucified upside-down in Rome during Nero's reign (but not by Nero) in the apocryphal Acts of Peter ( c. 200). [189 ] The account ends with Paul still alive and Nero abiding by God's command not to persecute any more Christians.
By the 4th century, a number of writers were stating that Nero killed Peter and Paul. [ 190 ]
- มาร
The Ascension of Isaiah is the first text to suggest that Nero was the Antichrist [ clarification needed ] [ improper synthesis? ] . It claims that a lawless king, the slayer of his mother...will come and there will come with him all the powers of this world, and they will hearken unto him in all that he desires. [ 186 ]
The Sibylline Oracles , Book 5 and 8, written in the 2nd century, speak of Nero returning and bringing destruction. [ 191 ] Within Christian communities, these writings, along with others, [ 192 ] fueled the belief that Nero would return as the Antichrist. In 310, Lactantius wrote that Nero suddenly disappeared, and even the burial-place of that noxious wild beast was nowhere to be seen. This has led some persons of extravagant imagination to suppose that, having been conveyed to a distant region, he is still reserved alive; and to him they apply the Sibylline verses . [ 182 ]
In 422, Augustine of Hippo wrote about 2 Thessalonians 2:1–11, where he believed Paul mentioned the coming of the Antichrist. Though he rejects the theory, Augustine mentions that many Christians believed that Nero was the Antichrist or would return as the Antichrist. He wrote,so that in saying, "For the mystery of iniquity doth already work," [ 193 ] he alluded to Nero, whose deeds already seemed to be as the deeds of Antichrist. [ 161 ]
Some modern biblical scholars [ 194 ] [ 195 ] such as Delbert Hillers ( Johns Hopkins University ) of the American Schools of Oriental Researchand the editors of the Oxford & Harper Collins Study Bibles, contend that the number 666 in the Book of Revelation is a code for Nero, [ 196 ] a view that is also supported in Roman Catholic Biblical commentaries. [ 197 ] [ 198 ]
[ แก้ไข ]บรรพบุรุษ
| 16. Lucius Domitius Ahenobarbus | ||||||||||||||||
| 8. Gnaeus Domitius Ahenobarbus | ||||||||||||||||
| 17. Porcia Catonis | ||||||||||||||||
| 4. Lucius Domitius Ahenobarbus | ||||||||||||||||
| 9. Aemilia Lepida | ||||||||||||||||
| 2. Gnaeus Domitius Ahenobarbus | ||||||||||||||||
| 20. Marcus Antonius Creticus | ||||||||||||||||
| 10. Mark Antony | ||||||||||||||||
| 21. Julia Antonia | ||||||||||||||||
| 5. Antonia Major | ||||||||||||||||
| 22. Gaius Octavius | ||||||||||||||||
| 11. Octavia Minor | ||||||||||||||||
| 23. Atia Balba Caesonia | ||||||||||||||||
| 1. Nero | ||||||||||||||||
| 24. Tiberius Claudius Nero | ||||||||||||||||
| 12. Nero Claudius Drusus | ||||||||||||||||
| 25. Livia Drusilla | ||||||||||||||||
| 6. Germanicus | ||||||||||||||||
| 26 = 10. Mark Antony | ||||||||||||||||
| 13. Antonia Minor | ||||||||||||||||
| 27 = 11. Octavia Minor | ||||||||||||||||
| 3. Agrippina the Younger | ||||||||||||||||
| 28. Lucius Vipsanius Agrippa | ||||||||||||||||
| 14. Marcus Vipsanius Agrippa | ||||||||||||||||
| 7. Agrippina the Elder | ||||||||||||||||
| 30. Augustus (brother of 11, 27) | ||||||||||||||||
| 15. Julia the Elder | ||||||||||||||||
| 31. Scribonia | ||||||||||||||||
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น